GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 12 ก.ค.65 by YLG

1,031

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

แนะนำขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยบริเวณแนวต้านโซน 1,745-1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้ แนะนำแบ่งทองคำออกขายเพื่อรอซื้อในโซนแนวรับ 1,700-1,676 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,700 1,676 1,652  แนวต้าน : 1,745 1,766 1,784

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 8.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังคงเผชิญกับแรงกดดันสำคัญ ได้แก่ การแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ ปัจจัยหลักที่หนุนดอลลาร์วานนี้ คือ การอ่อนค่าของสกุลเงินยูโร ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

เนื่องจากวิกฤตพลังงานในยุโรปมีแนวโน้มเลวร้ายลง หลังจากบริษัท Nord Stream AG ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อส่ง Nord Stream 1 ประกาศยืนยันว่า ทางบริษัทจะปิดท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทางทะเลบอลติก เพื่อทำการซ่อมบำรุงจนถึงวันที่ 21 ก.ค. ขณะที่หลายฝ่ายคาดว่ารัสเซียจะยังคงตัดการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป แม้ Nord Stream 1 เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 ก.ค. แล้วก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1.0006 ดอลลาร์ในวันจันทร์

ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2002 ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.95% แตะที่ระดับ 108.268 ก่อนที่เช้านี้ดอลลาร์จะพุ่งต่อแตะ 108.469 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีครั้งใหม่ จนเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการร่วงลงของทองคำแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 เดือนที่ 1,722.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าวันนี้ของตลาดเอเชีย

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา จากแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากเกิดการสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแรงขายชะลอตัวลง

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนิ้ติดตามการเปิดเผย ดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กเดือนมิ.ย.จาก NFIB

จจัยทางเทคนิค

- Advertisement -

หลังจากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำปรับตัวลงกลับมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าโซน 1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาอาจมีแรงขายเพิ่มกดดันราคาทดสอบแนวรับโซน 1,700-1,676 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน

แนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,745-1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อคืนหากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1,700-1,676 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ โดยสถานะขายตัดขาดทุนหากราคาผ่าน 1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

• (+) คาดแบงก์สหรัฐกำไรวูบใน Q2/65 เหตุเพิ่มกันสำรองหนี้สูญ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากธนาคารขนาดใหญ่ซึ่งจะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 14-15 ก.ค. อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เตือนว่าธนาคารสหรัฐจะรายงานตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ที่น่าผิดหวัง เนื่องจากมีการเพิ่มการกันสำรองหนี้สูญ ท่ามกลางแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

• (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 164.31 จุด วิตกกำไรแบงก์สหรัฐชะลอตัว ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (11 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ เพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,173.84 จุด ลดลง 164.31 จุด หรือ -0.52%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,854.43 จุด ลดลง 44.95 จุด หรือ -1.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,372.60 จุด ร่วงลง 262.71 จุด หรือ -2.26%

• (+) บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วง นักลงทุนปิดรับความเสี่ยง กังวลเศรษฐกิจถดถอย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนปิดรับความเสี่ยง และหันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ณ เวลา 22.58 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.982% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.165%

• (-) ดอลล์แข็งค่า นลท.แห่ซื้อสกุลเงินปลอดภัยเหตุวิตกยูโรโซนถดถอย สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (11 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซน ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.95% แตะที่ระดับ 108.0220 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0065 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0178 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1896 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2024 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6745 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6851 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 137.28 เยน จากระดับ 136.18 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9799 ฟรังก์ จากระดับ 0.9773 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2986 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2957 ดอลลาร์แคนาดา

• (-) เฟดนิวยอร์กเผยผลสำรวจชี้คาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 1 ปีพุ่งเป็นประวัติการณ์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยผลสำรวจพบว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐสำหรับในปีหน้าพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าในช่วง 1 ปีข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งแตะ 6.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนมิ.ย.2556 อย่างไรก็ดี ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 3 ปีข้างหน้าปรับตัวลงสู่ระดับ 3.6% จากเดิมที่ระดับ 3.9% ส่วนคาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 5 ปีข้างหน้าปรับตัวลงสู่ระดับ 2.8% จากเดิมที่ระดับ 2.9%

• (-) นักลงทุนคาดเฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 1.00% เดือนนี้ หลังเผยจ้างงานแกร่ง นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 4.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 95.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ก่อนหน้านี้ นักลงทุนเคยคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเฟดเดือนก.ค. แต่ล่าสุดตัวเลขคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ได้หายไป และแทนที่ด้วยคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%

• (-) ยุโรปวิกฤต หวั่นรัสเซียตัดก๊าซผ่านท่อส่ง Nord Stream 1 หลัง 21 ก.ค. ยุโรปเตรียมรับมือวิกฤตพลังงาน ขณะที่รัสเซียจะยุติการส่งก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 ในวันนี้ บริษัท Nord Stream AG ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อส่ง Nord Stream 1 ประกาศยืนยันว่า ทางบริษัทจะปิดท่อส่งดังกล่าวในวันนี้ ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทางทะเลบอลติก เพื่อทำการซ่อมบำรุงจนถึงวันที่ 21 ก.ค. อย่างไรก็ดี มีความวิตกกันว่ารัสเซียจะยังคงตัดการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป แม้ Nord Stream 1 เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งจะทำให้ยุโรปเผชิญวิกฤตพลังงาน และทำให้ราคาพลังงานสำหรับภาคครัวเรือนพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

- Advertisement -

Comments
Loading...