GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 8 ส.ค.65 by YLG

509

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

ราคาทองคำยังคงพยายามยืนเหนือ 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,783-1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นได้ จะเกิดแรงขายออกมาเพิ่มขึ้น

แนวรับ : 1,765 1,751 1,735  แนวต้าน : 1,788 1,803 1,820

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 16.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรและแรงขายทางเทคนิคหลังจากราคาอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป(Overbought) และเกิดสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแรงซื้อชะลอตัวลง  แต่ปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำ  คือ การเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงานของสหรัฐที่ออกมา “แข็งแกร่งเกินคาด”  

ทั้งนี้  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 258,000 ตำแหน่ง  ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%

ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ดีดตัวขึ้นเกินคาดที่ 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน สะท้อนตลาดแรงงานของสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง  ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป  สะท้อนจาก FedWatch Tool ของ CME Group ที่บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 71.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25%

- Advertisement -

ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.ซึ่งเพิ่มขึ้นจากโอกาสเพียง 45.5% ในช่วงก่อนสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานพุ่งขึ้นเกินคาด  และการคาดการณ์กล่าวช่วยหนุนดัชนีดอลลาร์ให้ปิดตลาดแข็งค่าขึ้น 0.85% ในวันศุกร์  พร้อมกับหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 2.8% จนเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,765.06  ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.16 ตันสู่ระดับ 999.16 ตันซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค

หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,783-1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้ายังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรออกมาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดของวันก่อนหน้า) ยังมีโอกาสดีด แต่หากหลุด ประเมินแนวรับถัดไปโซน 1,751-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน

แนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว ในโซน 1,783-1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทะลุ 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เพื่อรอปิดสถานะขายทำกำไรหากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซน 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดให้ชะลอการเข้าซื้อคืนไปที่แนวรับถัดไปโซน 1,751-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) จีนประกาศระงับความร่วมมือสหรัฐ หลัง “เพโลซี” เยือนไต้หวัน  รัฐบาลจีนประกาศระงับความร่วมมือกับสหรัฐในหลายด้าน รวมถึงการเจรจาระหว่างผู้บัญชาการทหารระดับสูง เพื่อตอบโต้การที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวันเมื่อเร็ว ๆ นี้  ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของจีนยังระบุในแถลงการณ์ว่า จีนจะยุติการเจรจาเรื่องสภาพอากาศกับสหรัฐ ตลอดจนความร่วมมือในการป้องกันอาชญากรรมระหว่างประเทศ และการส่งตัวผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายกลับประเทศ  
  • (-) ผู้ว่าการเฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไป  มิเชล โบว์แมน หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในวันเสาร์ (6 ส.ค.) ว่า เฟดควรพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไป เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ในระดับที่เฟดตั้งเป้าไว้ที่ 2%  “ดิฉันสนับสนุนการตัดสินใจของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.75%” โบว์แมนระบุในสุนทรพจน์ที่เตรียมไว้สำหรับการประชุมนายธนาคารแห่งแคนซัสซึ่งจัดขึ้นที่โคโลราโด
  • (-) สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งเกินคาดในเดือนก.ค.  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 258,000 ตำแหน่ง  ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%  กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 386,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 384,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 398,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่ง  กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 471,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 57,000 ตำแหน่ง  ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ดีดตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายปี
  • (-) นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์เฟดขึ้นดบ. 0.75% เดือนก.ย. หลังจ้างงานพุ่งเกินคาด นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์เกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานพุ่งขึ้นเกินคาดในวันนี้  ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 34.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%  ก่อนหน้านี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 31.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
  • (-) ดอลลาร์แข็งค่า ขานรับข้อมูลจ้างงานแกร่ง-คาดเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.88% แตะที่ระดับ 106.6190  ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 135.06 เยน จากระดับ 132.91 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9618 ฟรังก์ จากระดับ 0.9546 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2935 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2851 ดอลลาร์แคนาดา  ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0178 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0252 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2067 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2174 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐดีดตัวทะลุ 2.8% หลังจ้างงานพุ่งหนุนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 2.8% ในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  ณ เวลา 21.02 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.838% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.079%
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวก 76.65 จุด หุ้นแบงก์พุ่งตามแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (5 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นขานรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง โดยถูกกดดันจากหุ้นเทสลาและหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ปรับตัวลง หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อที่ระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,803.47 จุด เพิ่มขึ้น 76.65 จุด หรือ +0.23%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,145.19 จุด ลดลง 6.75 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,657.56 จุด ลดลง 63.02 จุด หรือ -0.50%

- Advertisement -

Comments
Loading...