GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 6 ก.ค.65 by YLG

636

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

แนะนำเปิดสถานะขาย หากราคาไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,784-1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะขายทำกำไรบางส่วนหากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,763-1,752 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดสามารถถือสานะขายต่อ

แนวรับ : 1,752 1,737 1,722  แนวต้าน : 1,786 1,803 1,824

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดดิ่งลง 43.43 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันราคาทองคำจะทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,811.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้โดยได้รับแรงกดดันจากหลายประเด็น ได้แก่

(1.) สกุลเงินยูโรดิ่งลงกว่า 1.5% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี หรือ ต่ำสุดนับตั้งแต่ธ.ค. 2002 ที่ 1.0235 ท่ามกลางความกังวลว่าวิกฤตพลังงานอาจส่งผลให้เศรษฐกิจในยูโรโซนเผชิญภาวะถดถอย หลังราคาก๊าซในยุโรปพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ดิ่งลงสู่ระดับ 52.0 ในเดือนมิ.ย. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงชัดเจน

(2.) ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้น 1.28% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปีที่ 106.792 เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ขณะที่การอ่อนค่าของยูโรหนุนดอลลาร์เพิ่ม

- Advertisement -

(3.) สินค้าโภคภัณฑ์(Commodities) ร่วงลงในวงกว้าง นับตั้งแต่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ที่ปิดร่วงลงกว่า 8% ส่วนโลหะเงินปรับตัวลงกว่า 4% และแพลตตินั่มปรับตัวลดลง 2.4% จากความวิตกว่าเศรษฐกิจถดถอยจะกดดันดีมานด์ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกดดันราคาทองคำซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ขนิดหนึ่ง

(4.) แรงขายทางเทคนิค หลังจากราคาทองคำดิ่งลงแรงหลุดระดับต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว อีกทั้งเกิดสัญญาณ Dead Cross ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย 50 และ 200 วัน และ

(5.) กองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -9.86 ตัน ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดอยู่เบื้องหลังการดิ่งลงกว่า 2.4% ทดสอบระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 15 ธ.ค.ปีที่แล้ว สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการ, JOLTS Job Openings และรายงานการประชุมเฟดประจำเดือนมิ.ย.

จจัยทางเทคนิค

หลังจากราคาทองคำทิ้งตัวลงแรง หากราคาฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,784-1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับตัวลงไม่มากราคาจะยังแกว่งตัวในกรอบแนวรับระยะสั้นในโซน 1,763-1,752 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน

แนะนำเปิดสถานะขายทำหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้าน 1,784-1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยสถานะขายตัดขาดทุนหากราคาผ่าน 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อคืน หรือปิดสถานะขายทำกำไร เมื่อราคาอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1,763-1,752 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) รัสเซียรุก ‘ดอแนตสก์’ ระดมโจมตีหวังแบ่งแยกดินแดนยูเครน  รัสเซียเริ่มปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ด้วยปืนใหญ่ใส่เมืองสโลเวียนสก์ ในเขตปกครองดอแนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครน ในวันอังคาร ในความพยายามเปลี่ยนเป้าหมายมายังเขตปกครองนี้หลังจากเพิ่งยึดครองเขตปกครองลูฮันสก์ที่อยู่ติดกันสำเร็จ  วาดิม ลียัคห์ นายกเทศมนตรีเมืองสโลเวียนสก์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อของยูเครน ขอให้ประชาชนเร่งหลบหนีออกจากเมือง แต่กลับเปลี่ยนคำแนะนำในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาให้ประชาชนไปอาศัยในหลุมหลบภัย โดยเมืองแห่งนี้มีประชากรราว 100,000 คน ก่อนที่รัสเซียจะเริ่มโจมตีเมื่อกว่า 4 เดือนก่อน  นายกเทศมนตรีลียัคห์ ระบุว่า มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่เข้าไปในเมืองตั้งแต่วันจันทร์ บ้านเรือนถูกทำลายราว 40 หลัง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยหนึ่งคน และบาดเจ็บ 7 คนจากการโจมตีของกองทัพรัสเซียใส่ตลาดแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
  • (+) ตลาดบอนด์สหรัฐเกิด inverted yield curve ส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย  ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีปรับตัวสูงกว่าอายุ 10 ปี ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย  ณ เวลา 23.47 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 2.794% โดยสูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.789%  ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
  • (-) ดอลล์แข็งค่า นลท.แห่ซื้อสกุลเงินปลอดภัยเหตุวิตกศก.ถดถอย  สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (5 ก.ค.) โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 106 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 1.30% แตะที่ระดับ 106.5350 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9685 ฟรังก์ จากระดับ 0.9611 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3048 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2854 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 135.68 เยน จากระดับ 135.70 เยน  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0265 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0428 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1949 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2108 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6791 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6865 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) น้ำมัน WTI ปิดร่วง $8.93 หลุด $100 กังวลจีนล็อกดาวน์ฉุดดีมานด์  สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 8% หลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์ในวันอังคาร (5 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณถดถอยและการที่จีนมีแนวโน้มจะกลับมาล็อกดาวน์เมืองสำคัญนั้น อาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกทรุดตัวลงด้วย  ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 8.93 ดอลลาร์ หรือ 8.2% ปิดที่ 99.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.  ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 10.73 ดอลลาร์ หรือ 9.5% ปิดที่ 102.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.
  • (-) ยูโรทรุดต่ำสุด 20 ปีเทียบดอลลาร์ กังวลเศรษฐกิจถดถอย  ยูโรดิ่งลงกว่า 1% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีเทียบดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซน  ณ เวลา 19.26 น.ตามเวลาไทย ยูโรอ่อนค่า 1.22% สู่ระดับ 1.029 ดอลลาร์  เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ดิ่งลงสู่ระดับ 52.0 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน จากระดับ 54.8 ในเดือนพ.ค.
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดลบ 129.44 จุด นลท.กังวลเศรษฐกิจถดถอย  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (5 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นในช่วงท้ายตลาด ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,967.82 จุด ลดลง 129.44 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,831.39 จุด เพิ่มขึ้น 6.06 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,322.24 จุด เพิ่มขึ้น 194.39 จุด หรือ +1.75%

- Advertisement -

Comments
Loading...