GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 17 ม.ค.65 by YLG

263

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เข้าซื้อในบริเวณ 1,808-1,802ดอลลาร์ต่อออนซ์(ตัดขาดทุนหากหลุด 1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ ควรเน้นการลงทุนระยะสั้นและไม่ควรถือสถานะจำนวนมาก แบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,827-1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,802 1,787 1,770  แนวต้าน : 1,834 1,849 1,863

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 5.08 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่เกินคาดแทบจะทุกรายการ  ไม่ว่าจะเป็นยอดค้าปลีกที่ดิ่งลง 1.9% ในเดือนธ.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากม.ยมิชิแกนที่ปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ 68.8 ในเดือนม.ค.แตะระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 1 ทศวรรษ และการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐที่ลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2%  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากประเด็นดังกล่าวอย่างจำกัดขณะที่สัญญาณทางเทคนิคยังคงบ่งชี้ว่าแรงซื้อชะลอตัวลง  จึงส่งผลให้เกิดแรงขายสลับออกมาเป็นระยะ  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.773% รวมถึงดัชนีดอลลาร์ที่พลิกกลับมาแข็งค่า  เนื่องจากนักลงทุนประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่แย่เกินคาดไม่เพียงพอที่จะขัดขวางแผนการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด  ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดยังคงออกมาแสดงความเห็นในเชิง Hawkish อาทิ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์กที่กล่าวในวันศุกร์ว่า เป็นเรื่อง “สมเหตุสมผล” ที่เฟดจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ส่วนนางแมรี่ เดลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก กล่าวระหว่างการสัมภาษณ์ New York Times บน Twitter Spaces  ว่า COVID-19 เป็นสาเหตุหลักของอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไป และเฟดจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดอุปสงค์ให้สอดคล้องกับอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้น นั่นส่งผลกดดันให้ราคาทองคำพักตัวลงปิดตลาดในแดนลบ  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเนื่องจากตลาดเงินตลาดทุนและตลาดทองคำสหรัฐจะปิดทำการในวัน Martin Luther King

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำยังคงพยายามทรงตัวรักษาระดับไว้ระยะสั้นมีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,827-1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นได้จะเกิดแรงขายทำกำไรออกมา โดยแนวรับระยะสั้นจะอยู่ที่ 1,808-1,802ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

การเข้าซื้ออาจรอดูบริเวณ 1,808-1,802ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดลงมาให้ชะลอการซื้อ หรือตัดขาดทุนเพื่อควบคุมความเสี่ยงแบ่งขายทำกำไรหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,827-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หากผ่านได้สามารถชะลอการขายทำกำไรไปที่แนวต้านถัดไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยรัสเซียอาจบุกโจมตีทางทหารต่อยูเครนภายใน 1 เดือนทำเนียบขาวเปิดเผยแถลงการณ์ในวันศุกร์ (14 ม.ค.) เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ของรัสเซียต่อยูเครน และระบุว่า รูปแบบการโจมตีดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัสเซียอาจบุกโจมตียูเครนภายใน 1 เดือน  “หน่วยข่าวกรองที่ตรวจสอบปฏิบัติการทางไซเบอร์ของรัสเซียกับยูเครนเชื่อว่ารูปแบบกิจกรรมของรัสเซียอาจส่งสัญญาณว่า จะมีการบุกรุกภาคพื้นดินของยูเครนภายใน 30 วันข้างหน้า” ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ สหรัฐระบุว่า รัสเซียกำลังเตรียมข้ออ้างเพื่อบุกยูเครนในรูปแบบของการโจมตีทางไซเบอร์ หากการดำเนินการทางการทูตไม่บรรลุเป้าหมาย
  • (+) จีนประณามสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน หลังจีน-อิหร่านบรรลุข้อตกลงทางการจีนเปิดเผยว่า จีนไม่เห็นด้วยกับการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐต่ออิหร่าน ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนและอิหร่านประกาศเปิดตัวข้อตกลงความร่วมมือ 25 ปี เพื่อมุ่งกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในระหว่างการประชุมเมื่อวันศุกร์ (14 ม.ค.) ที่เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู นายหวัง อี้รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนยังสนับสนุนความพยายามในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจ
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 201.81 จุด ผิดหวังผลประกอบการแบงก์ใหญ่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (14 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มการเงินถ่วงตลาดลงอย่างหนัก หลังนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ของธนาคารสหรัฐขนาดใหญ่ในช่วงเริ่มต้นฤดูเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ  ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,911.81 จุด ลดลง 201.81 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,662.85 จุด เพิ่มขึ้น 3.82 จุด หรือ +0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,893.75 จุด เพิ่มขึ้น 86.94 จุด หรือ +0.59%
  • (+) เฟดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค.  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. 
  • (+) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งลงต่ำกว่าคาดผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 68.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 1 ทศวรรษ จากระดับ 70.6 ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 70.0
  • (+) สหรัฐเผยดัชนีราคานำเข้าลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค.กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.2564 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค.   เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 10.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 11.7% ในเดือนพ.ย.
  • (+) สหรัฐเผยยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.9% ในเดือนธ.ค.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.9% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัวในเดือนดังกล่าว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.  ยอดค้าปลีกที่ดิ่งลงในเดือนธ.ค. ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19, การขาดแคลนสินค้า รวมทั้งราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของผู้บริโภค  ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ร่วงลง 3.1% ในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย.
  • (-) ดอลล์ดีดตัวขึ้น หลังร่วง 3 วันติดต่อกันดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (14 ม.ค.) โดยดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลง 3 วันติดต่อกันทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 95.1673  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.14 เยน จากระดับ 114.06 เยน, ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9137 ฟรังก์ จากระดับ 0.9107 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2560 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2488 ดอลลาร์แคนาดายูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1415 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1460 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3676 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3718 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7208 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7288 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+/-) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% เช่นกันในเดือนต.ค.  เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 8.7% ในเดือนพ.ย.

- Advertisement -

Comments
Loading...