GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 14 ก.ค.65 by YLG

414

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

หากราคาดีดตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,738-1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรจากการแกว่งตัว ทั้งนี้ ควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อราคาอ่อนตัวลงมีแรงซื้อให้ราคาฟื้นตัวขึ้นได้ โดยประเมินแนวรับระยะสั้นบริเวณ 1,707-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,700 1,676 1,652  แนวต้าน : 1,745 1,766 1,784

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยราคาทองคำปรับตัวลงก่อนหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.8% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 5.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.8% เช่นกัน

ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะยิ่ง “เร่ง” ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย “อย่างแข็งกร้าวกว่าที่เคยประเมินไว้” เพื่อสกัดเงินเฟ้อ สะท้อนจาก CME Fedwatch Tool ที่บ่งชี้โอกาส 80.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 100 bps หรือ 1% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. นี้ ซึ่งถือว่า Hawkish มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงก่อนเปิดเผยข้อมูล CPI ที่ตลาดยังคงคาดว่ามีโอกาสกว่า 80% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 75 bps หรือ 0.75%

ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ การคาดการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2002 ที่ 108.59 ทำให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนที่ 1,707.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip และซื้อทางเทคนิค ประกอบกับดอลลาร์ลดข่วงบวกลง ส่งผลให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดเกือบ 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ทดสอบระดับสูงสุดที่ 1,745.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.74 ตัน สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยราคาผู้ผลิต (PPI), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

จจัยทางเทคนิค

- Advertisement -

เมื่อราคาขยับขึ้นก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา โดยราคายังคงมีการแกว่งตัวในระดับสูง แต่ระยะสั้นหากราคาพยายามเคลื่อนไหวเหนือแนวรับโซน 1,707-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,738-1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้ให้ราคาจะอ่อนตัวลงอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

แนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้นหากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,738-1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน 1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการปิดสถานะขายทำกำไรอาจพิจารณาดูบริเวณ 1,707-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่อยู่หรือรับความเสี่ยงได้สูง อาจพิจารณาถือสถานะขายต่อเพื่อทำกำไรระยะสั้นที่แนวรับถัดไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน

• (+) ปอนด์แข็งค่าเทียบดอลล์ ขานรับเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัว สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (13 ก.ค.) หลังจากนักลงทุนซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่สูงกว่าคาดในเดือนมิ.ย. ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขานรับรายงานที่ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษฟื้นตัวขึ้นในเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.09% แตะที่ระดับ 107.9710 ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0063 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0047 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1903 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1898 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6767 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6766 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9793 ฟรังก์ จากระดับ 0.9817 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2970 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3008 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 137.33 เยน จากระดับ 136.76 เยน

• (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 208.54 จุด วิตกเฟดขึ้นดบ.แรงหลังเงินเฟ้อพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (13 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่รุนแรงขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,772.79 จุด ลดลง 208.54 จุด หรือ -0.67%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,801.78 จุด ลดลง 17.02 จุด หรือ -0.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,247.58 จุด ลดลง 17.15 จุด หรือ -0.15%

• (+) น้ำมัน WTI ปิดบวก 46 เซนต์ นลท.ช้อนซื้อหลังราคาร่วงหนัก สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (13 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อหลังจากราคาน้ำมันทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 96.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 99.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

• (+) เรือพิฆาตของสหรัฐฯ แล่นผ่านเกาะทะเลจีนใต้ที่จีนครอบครองอยู่ เรือพิฆาตของกองทัพเรืออเมริกันแล่นผ่านใกล้เกาะในทะเลจีนใต้ที่จีนครอบครองอยู่ ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่า เป็นการลาดตระเวนที่มีเป้าหมายแสดงเสรีภาพในการเดินเรือผ่านเส้นทางยุทธศาสตร์ทางทะเลดังกล่าว กองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุว่า เรือพิฆาตติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี ยูเอสเอส เบนโฟลด์ แล่นผ่านหมู่เกาะพาราเซลล์ในวันพุธ ภายใต้ภารกิจ “สนับสนุนสิทธิเสรีภาพ และใช้ทะเลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” ภารกิจดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในแถบอินโด-แปซิฟิก เพื่อคานอำนาจในด้านการทหารและการขยายกองเรือของจีนในภูมิภาคนี้

• (-) สหรัฐเผยดัชนี CPI พุ่งเกินคาดในเดือนมิ.ย. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.8% นอกจากนี้ ดัชนี CPI ดังกล่าวยังสูงกว่าระดับ 8.6% ในเดือนพ.ค. ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 5.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากที่พุ่งขึ้น 6.0% ในเดือนพ.ค. แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.8%

• (-) รัสเซีย, ยูเครน, ตุรกี, UN เปิดฉากเจรจาเรื่องส่งออกธัญพืช คณะผู้แทนจากกองทัพรัสเซีย ยูเครน และตุรกี ประชุมร่วมกับผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ในวันนี้ (13 ก.ค.) เพื่อหาทางส่งออกธัญพืชจากยูเครนไปยังตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในเมืองอิสตันบูล เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ราคาอาหารพุ่งสูงทั่วโลก และมีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนอาหารอันเนื่องมาจากวิกฤตยูเครนที่ยืดเยื้อ กระทรวงกลาโหมตุรกีเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ตัวแทนในที่ประชุมจะหาทางสร้างพื้นที่ปลอดภัยในทะเลดำสำหรับใช้ส่งออกธัญพืชจากท่าเรือของยูเครน และตุรกีหวังว่าจะใช้เมืองอิสตันบูลเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการขนส่งทั้งหมด

- Advertisement -

Comments
Loading...