GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 13 ธ.ค.65 by YLG

415

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

พิจารณาโซน 1,797-1,809 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในการเปิดสถานะขาย ควรแบ่งปิดสถานะทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อราคาปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับโซน 1,776-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งควรจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น

แนวรับ : 1,776 1,759 1,740  แนวต้าน : 1,809 1,824 1,843

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 16.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในช่วงบ่ายตามเวลาไทย ราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากเงินปอนด์ที่ดีดตัวขึ้น ขานรับการเปิดเผย GDP ของอังกฤษที่ขยายตัว 0.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งถือว่า “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4%

อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำเป็นไปอย่างจำกัด พร้อมกับมีแรงขายสลับออกมาเป็นระยะท่ามกลางความวิตกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)ที่กำลังจะเปิดเผยในคืนนี้อาจออกมาสูงเกินคาด (upside surprise) หลังจากในวันศุกร์ที่แล้วดัชนี PPI ทั่วไปและดัชนี PPI พื้นฐานพุ่งขึ้น “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ไว้ และการคาดการณ์ดังกล่าวอยู่เบื้องหลังการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.614% จนเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,777.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

- Advertisement -

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐในเวลา 20.30 น. นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะขยายตัว 7.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐาน จะปรับตัวขึ้น 6.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือว่า “ชะลอลง” จากเดือนก่อนหน้า ดังนั้น หากตัวเลข CPI ออกมาชะลอตัวดังคาด หรือ ชะลอตัวลงมากกว่าคาด จะเป็นปัจจัยกระตุ้นการคาดการณ์ว่าเฟดจะ “ชะลอ” การขึ้นดอกเบี้ยซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ กลับกันหาก CPI ออกมาสูงกว่าคาดจะกระตุ้นคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำ

จจัยทางเทคนิค

แม้ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นหลังจากอ่อนตัวลงตัวลงวานนี้ แต่ระยะสั้นหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,797-1,809 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจจะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาลงมาเพื่อสะสมแรงซื้อในโซน 1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้ราคาอาจอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน

หาจังหวะเปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรจากการแกว่งตัวในกรอบ หากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านโซนแนวต้าน 1,797-1,809 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดสถานะขายลง หากราคาผ่านแนวต้านโซน 1,824 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ อาจทยอยแบ่งปิดสถานะขาย หากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับโซนที่ 1,776-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) จีนลดจำนวนจุดเสี่ยงโควิด-19 สะท้อนผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ทางการจีนได้ประกาศลดจำนวนสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากกว่า 30,000 จุด เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. เหลือเพียงประมาณ 4,500 จุดในวันนี้ หรือลดลงกว่า 85% โดยได้เปิดพื้นที่ที่เคยถูกล็อกดาวน์ให้กลับมาเข้าออกได้ ในจำนวนนี้ยังรวมถึงพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งโรงงานบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทแอปเปิ้ลด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พนักงานหลายพันคนได้หนีออกจากโรงงานดังกล่าวเพราะกลัวถูกล็อกดาวน์ จนทำให้การผลิตหยุดชะงัก
  • (+) อียูพิจารณา ‘มาตรการลงโทษ’ ชุดใหม่ต่อรัสเซีย รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปกำลังพิจารณามาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียและให้เงินสนับสนุนเพิ่มต่อกองทัพยูเครน ที่การประชุมในวันจันทร์ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ให้คำมั่นว่า จะสนับสนุนยูเครนต่อไป ท่ามกลางการโจมตีของรัสเซียต่อระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ที่การประชุมที่บรัสเซลส์ครั้งนี้ สหภาพยุโรปหรืออียู จะพิจารณาเงินช่วยเหลือเพื่อการส่งอาวุธไปยังยูเครนมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์
  • (+) ญี่ปุ่น-เนเธอร์แลนด์ จับมือสหรัฐฯ สกัดจีนพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูง ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์เห็นชอบในหลักการร่วมกับสหรัฐฯในการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ของจีนตามรายงานของบลูมเบิร์กที่อ้างอิงข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องเมื่อวันจันทร์ขณะที่มาตรการใหม่เตรียมประกาศในไม่กี่สัปดาห์ เมื่อเดือนตุลาคม คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ผลักดันมาตรการมากมายที่มุ่งเป้าในการสกัดกั้นการส่งออกเทคโนโลยีชิปประมวลผลและชิปบางประเภทที่มีชิ้นส่วนจากสหรัฐฯ ส่งไปยังจีน
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ตลาดจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ-ผลประชุมเฟด ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (12 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในอังคาร และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.31% แตะที่ระดับ 105.1310 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 137.76 เยน จากระดับ 136.49 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9370 ฟรังก์ จากระดับ 0.9337 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3637 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3625 ดอลลาร์แคนาดา
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 528.58 จุด ตลาดจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันจันทร์ (12 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในอังคาร และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,005.04 จุด พุ่งขึ้น 528.58 จุด หรือ +1.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,990.56 จุด เพิ่มขึ้น 56.18 จุด หรือ +1.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,143.74 จุด เพิ่มขึ้น 139.12 จุด หรือ +1.26%

- Advertisement -

Comments
Loading...