GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 10 ก.พ.65 by YLG

309

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เน้นการซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เข้าซื้อในบริเวณ 1,822-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,792 ดอลลาร์ต่อออนซ์) พิจารณาขายเพื่อหวังทำกำไรช่วงสั้นหากไม่ผ่านแนวต้าน 1,853 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,822 1,806 1,797  แนวต้าน : 1,853 1,867 1,878

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยยังคงได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ที่กำลังจะเปิดเผยในช่วงค่ำของวันนี้ว่าอาจพุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.1982 หรือในรอบ 40 ปี นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มความเห็นของนางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารเฟดคลีฟแลนด์ ที่แม้จะกล่าวเมื่อวันพุธว่า เฟดจะต้องดำเนินการเร็วกว่าที่เคยเป็นมาเพื่อถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่อยู่เหนือเป้าหมาย แต่ก็ “ไม่จำเป็น” ต้องเริ่มต้นด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนมีนาคม สถานกการณ์ดังกล่าวกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ร่วงลงสู่ระดับ 1.935% จากระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือนที่ 1.97%ในวันพุธ ขณะที่ดีมานด์ในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเมือคืนนี้เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากBid coverage ratio ที่เป็นมาตรวัดความต้องการครั้งนี้อยู่ที่ 2.68 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่พ.ค. 2020 สูงกว่าระดับ 2.51 ในเดือนที่แล้วจึงเป็นปัจจัยกดดันบอนด์ยีลด์เพิ่ม ปัจจัยนี้เองส่งผลหนุนทองในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย พร้อมกับกดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงจนเป็นปัจจัยหนุนทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครั้งใหม่ที่ 1,835.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำยกระดับสูงสุดระดับต่ำสุดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริเวณแนวรับโซน 1,822-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สามารถยืนได้จึงเกิดแรงซื้อพยุงราคาไว้ อย่างไรก็ตามหากการปรับตัวขึ้นราคาไม่ผ่านโซนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,853 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของเดือน ม.ค.) นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นช่วงสั้น

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเปิดสถานะซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นในบริเวณ 1,822-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาหลุด 1,792 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,853 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งเกินคาดในเดือนธ.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ย.  เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 18.5% ในเดือนธ.ค.  ยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ย.  นอกจากนี้ เจ้าของธุรกิจจะใช้เวลา 1.25 เดือนในการขายสินค้าจนหมดสต็อก เพิ่มขึ้นจาก 1.22 เดือนในเดือนพ.ย.
  • (+) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ลดลง เหตุดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น  สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น  เมื่อเทียบรายปี จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ดิ่งลง 52%
  • (+) ญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์เตรียมจัดการประชุม “2+2” สกัดอิทธิพลจีน  แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์จะจัดการประชุมความมั่นคงแบบ “2+2” ผ่านระบบออนไลน์ในเดือนนี้ เพื่อสกัดการแผ่อิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก  ทั้งนี้ ในการประชุมแบบ “2+2” แต่ละฝ่ายจะส่งรัฐมนตรี 2 คนเข้าร่วมการประชุม ได้แก่ รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหม
  • (+)ดอลลาร์อ่อนค่า ตลาดจับตาสหรัฐเผยเงินเฟ้อวันนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (9 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.15% สู่ระดับ 95.4950 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.4760 เยน จากระดับ 115.54 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9238 ฟรังก์ จากระดับ 0.9254 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2673 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2713 ดอลลาร์แคนาดา  สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1436 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1418 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3537 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3543 ดอลลาร์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 305.28 จุด, Nasdaq พุ่งกว่า 2% รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกกว่า 300 จุดในวันพุธ (9 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 2% โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,768.06 จุด เพิ่มขึ้น 305.28 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,587.18 จุด เพิ่มขึ้น 65.64 จุด หรือ +1.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,490.37 จุด เพิ่มขึ้น 295.92 จุด หรือ +2.08%
  • (-) “โกลด์แมน แซคส์” คาดบอนด์ยีลด์สหรัฐดีดแตะ 2.25% ปลายปีนี้  โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี สู่ระดับ 2.25% ภายในปลายปีนี้ และจะแตะระดับ 2.45% ในปลายปี 2566  ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี แตะระดับ 2.00% ภายในปลายปีนี้ และจะแตะระดับ 2.30% ในปลายปี 2566
  • (-) ประธานเฟดแอตแลนตาคาดเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้  นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเห็นว่าการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ถือว่ามีความเหมาะสม แต่เขาก็คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง  “เราคงต้องดูว่าเศรษฐกิจจะมีการตอบสนองอย่างไรหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.” นายบอสติกกล่าวต่อสำนักข่าว CNBC  นอกจากนี้ นายบอสนิกกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐอาจกำลังเริ่มชะลอตัวลง  “ผมมีความหวังว่าเราจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อปรับตัวลง โดยมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้เรื่องนี้” เขากล่าว

- Advertisement -

Comments
Loading...