เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด
- Advertisement -
ราคาทอง 06/05/67
โดย : บริษัท เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ จำกัด
มุมมอง Technical
ทิศทางราคา Gold Spot สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาค่อนข้างผันผวนในกรอบ sideway down ภาพรวมราคาอยู่ในช่วงสวิงเทรดโดยมีการทำจุดสูงสุดที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ทำให้ยังคงอยู่ในภาวะปรับฐาน
สัปดาห์นี้ยังคงต้องลุ้นต่อว่าจะทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่องอีกหรือไม่ ภาพรวมหากราคาทองยังไม่สามารถยืนเหนือ 2330 ในช่วงปิดตลาด มีโอกาสที่ราคาจะเล่นในกรอบ sideway down ต่อไปได้อีกสักระยะ
โซนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 2275-2265 และ 2230-2225 ตามลำดับ หากราคาปรับตัวลงต่อ อาจพิจารณารอเข้าซื้อ ณ โซนดังกล่าว เมื่อเกิดสัญญาณกลับตัว
โซนแนวต้านอยู่ที่ 2325-2330 และ 2350-2355 ตามลำดับ พิจารณาขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบตามโซนดังกล่าว และรอซื้อกลับเมื่อราคาพักตัว
ภาพรวมทิศทางราคาทอง
- Advertisement -
ราคาทองคำ Gold Spot สัปดาห์ที่ผ่ที่ ผ่าน sideway down ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ทางด้านกองทุน SPDR ภาพรวมสลับซื้อซื้ และขายภายในสัปดาห์
ข่าวเด่น
กระทรวงพาณิชย์เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อสำคัญในเดือนเมษายน 2567 สูงขึ้น 0.19%(YoY) นับเป็นการกลับมา ‘เป็นบวก’ ครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและสภาพอากาศร้อนจัดทำให้สินค้าเกษตรหลายรายการออกสู่ตลาดช้า
สำนักข่าว CNBC รายงานว่านักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่าโอกาสที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะออกห่างจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะเป็น “เชิงลบโดยเฉพาะ” สำหรับกลุ่มประเทศยูโรโซน 20 ประเทศ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (3 พ.ค.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาดได้สนับสนุนแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.8%
เงินเยนมีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นในสัปดาห์นี้มากสุดในรอบกว่า 1 ปี โดยได้แรงหนุนจากการแทรกแซงตลาดของทางการญี่ปุ่น เพื่อพยุงค่าเงินเยนจากระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปี
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 1 พ.ค.ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่าข้อมูลที่เฟดได้รับเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง ขณะที่การจ้างงานก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ส่วนอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในปีที่แล้ว แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงโดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เฟดพบว่าเงินเฟ้อไม่ได้ปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ที่คณะกรรมการเฟดตั้งเป้าไว้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ส่วนในการพิจารณาเรื่องการปรับช่วงเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นนั้น
คณะกรรมการจะใช้ความระมัดระวังในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า รวมทั้งแนวโน้มของพัฒนาการทางเศรษฐกิจ และสมดุลของความเสี่ยง คณะกรรมการมองว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น จนกว่าจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน