เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด
- Advertisement -
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
หากตลอดวันราคาทองคำยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านบริเวณ 1,749-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ดังนั้นให้ระมัดระวัง เพราะมีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับย่อลงมาบริเวณแนวรับ 1,721-1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,717 1,696 1,676 แนวต้าน : 1,759 1,778 1,797
ปัจจัยพื้นฐาน :
- Advertisement -
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 5.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันราคาจะขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,744.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากการเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด สู่ระดับ 7.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนต้าน COVID-19 หลังองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ระบุว่า มีความเชื่อมโยงกันที่เป็นไปได้ในการใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยบ.แอสตร้าเซนเนก้าร่วมกับม.ออกซ์ฟอร์ด และการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ประกอบกับเกิดวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐในประเด็นไต้หวัน หลังจากกระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศจีนจำนวน 15 ลำได้ละเมิดน่านฟ้าไต้หวัน ส่วนสหรัฐได้ส่งเรือพิฆาต USS John S. McCain ซึ่งเป็นเรือรบสหรัฐที่มีการติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีผ่านช่องแคบไต้หวัน สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นไต้หวันที่มีแนวโน้มดำเนินต่อไป ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่ม อย่างไรก็ดี ราคาทองคำลดช่วงบวกในเวลาต่อมา เพราะดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดหลังรายงานการประชุมเฟดชี้ เฟดจะยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืนซึ่งช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ ปัจจัยดังกล่าวกลับมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลงจนปิดตลาดในแดนลบ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -0.35 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด
ปัจจัยทางเทคนิค :
แม้ว่าแรงขายจะลดลงแต่แรงช้อนซื้อสลับเข้ามาก็ไม่มาก หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือ 1,749-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจมีผลให้ราคาปรับตัวลงเพื่อสะสมกำลัง หากราคาทองย่อตัวลงมาพยายามทรงตัวเหนือระดับ 1,721-1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ มีโอกาสเกิดแรงซื้อดันราคาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นการเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,721-1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือ หากถือครองทองคำอยู่แล้วอาจเลือกแบ่งทองคำออกขายทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,749-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) EMA แถลงยืนยันวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีเอี่ยวทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) จัดการแถลงข่าวในวันนี้ เกี่ยวกับผลการประเมินความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า แถลงการณ์ของ EMA ระบุว่า มีความเชื่อมโยงกันที่เป็นไปได้ในการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับการพัฒนาจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ EMA ได้ทำการตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันกรณีการเกิดลิ่มเลือดที่ผิดปกติในร่างกายของผู้ที่ได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าบางราย นอกจากนี้ EMA ระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข และผู้ที่จะได้รับวัคซีนดังกล่าวจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ และให้ความระมัดระวังต่อการเกิดอาการต่างๆในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งได้แก่ อาการหายใจติดขัด อาการปวดหน้าอก อาการบวมที่ขา อาการเจ็บที่ท้อง อาการปวดศรีษะ สายตาพร่ามัว และอาการบวมที่ผิวหนัง นอกเหนือจากบริเวณที่ได้รับการฉีดวัคซีน รวมทั้งอาการทางระบบประสาทอื่นๆ อย่างไรก็ดี EMA ยืนยันว่า ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้ายังคงมีมากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- (+) สหรัฐส่งเรือพิฆาตผ่านช่องแคบไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด สหรัฐส่งเรือพิฆาต USS John S. McCain ผ่านช่องแคบไต้หวันในวันนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและไต้หวัน “เรือ USS John S. McCain ได้แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันเพื่อเป็นการแสดงถึงพันธกรณีของสหรัฐที่มีต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่มีเสรีและเปิดกว้าง โดยกองทัพสหรัฐจะยังคงส่งเครื่องบินและเรือรบไปยังทุกที่ซึ่งกฎหมายระหว่างประเทศให้การอนุญาต” แถลงการณ์ของกองทัพเรือสหรัฐระบุ
- (+) ไต้หวันประกาศพร้อมทำสงคราม หลังเครื่องบินรบจีน 15 ลำละเมิดน่านฟ้า นายโจเซฟ วู รมว.ต่างประเทศไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวันพร้อมที่จะปกป้องตัวเองจนถึงวันสุดท้าย หากถูกจีนโจมตี “เราพร้อมที่จะปกป้องตัวเอง และเราจะทำสงคราม หากมีความจำเป็น” นายวูกล่าว
- (+) ไต้หวันฮึ่ม! ขู่ยิงโดรนจีน หากรุกล้ำหมู่เกาะทะเลจีนใต้ นายหลี่ ชุง เหว่ย รัฐมนตรีไต้หวัน และเป็นประธานสภากิจการมหาสมุทร ซึ่งดูแลชายฝั่งของไต้หวัน กล่าวว่า โดรนของจีนได้บินวนเวียนรอบหมู่เกาะปราตาสของไต้หวัน ซึ่งไต้หวันจะยิงโดรนดังกล่าวหากมีการรุกล้ำดินแดน “โดรนเหล่านี้ยังไม่เคยรุกล้ำน่านฟ้าและน่านน้ำของเรา พวกมันเพียงแต่บินรอบๆหมู่เกาะ แต่ถ้ามีการรุกล้ำ และเราจำเป็นต้องยิง เราก็จะยิง” นายหลี่กล่าว นายหลี่กล่าวถ้อยแถลงดังกล่าวในรัฐสภาไต้หวันวันนี้ ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวัน
- (+) สหรัฐเผยขาดดุลการค้าพุ่งเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.พ. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.8% สู่ระดับ 7.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.05 หมื่นล้านดอลลาร์
- (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 16.02 จุด หลังเฟดเผยรายงานประชุม ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเรือสำราญ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,446.26 จุด เพิ่มขึ้น 16.02 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,079.95 จุด เพิ่มขึ้น 6.01 จุด หรือ +0.15% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,688.84 จุด ลดลง 9.54 จุด หรือ -0.07%
- (-) ดอลล์แข็งค่า รับเฟดให้คำมั่นหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในการประชุมล่าสุดว่า เฟดจะยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.14% สู่ระดับ 92.4541 เมื่อคืนนี้ ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1866 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1871 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3735 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3824 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7604 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7664 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.80 เยน จากระดับ 109.84 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9298 ฟรังก์ จากระดับ 0.9310 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2625 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2576 ดอลลาร์แคนาดา
