GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 28 เม.ย.64(ภาคเช้า) by YLG

340

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ยังมีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,755 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,755 1,741 1,726  แนวต้าน : 1,778 1,797 1,816

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  4.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะพยายามขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,785.42 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้โดยเผชิญกับแรงขายทำกำไรเนื่องจากนักลงทุนมีการปรับสถานะก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะประชุมนโยบายการเงินเสร็จสิ้นในช่วงกลางดึกของคืนวันนี้  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมา “ดีเกินคาด”  อาทิ  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐจาก Conference Board ที่พุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 121.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของ COVID-19ในเดือนก.พ.2020  และดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐจากเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ก็พุ่งขึ้นเกินคาดที่ 12% ในเดือนก.พ.เช่นกัน  ปัจจัยดังกล่าวหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ดีดตัวสู่ระดับ 1.627% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.  ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามจนเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ  สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวันลงมาปิดตลาดบริเวณ 1,776.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่เช้าวันนี้จะมีแรงขายสลับออกมาเพิ่มขึ้นจนส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดบริเวณ  1,766.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐ  พร้อมจับตาผลการประชุมเฟด  คาดเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยและวงเงิน QE ตามเดิม  แต่แนะนำรอความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคตผ่านถ้อยแถลงของประธานเฟดซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนได้

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำมีแรงซื้อลดลงหลังจากแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสะสมกำลัง แต่ระยะสั้นอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา  แต่หากไม่มากราคาจะพยายามดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ 1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม หากราคาอ่อนตัวลงประเมินแนวรับโซน 1,755 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้ราคาอาจพยายามทรงตัวและดีดตัวขึ้นอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

การเข้าซื้อขายทำกำไรระยะสั้น หากราคาขยับขึ้นอาจแบ่งขายทำกำไรหากราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้าน 1,778-1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนสถานะขายหากราคาผ่าน 1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์) แล้วทยอยปิดสถานะขายหากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับโซน 1,755 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ชาวมะกันกว่า 5 ล้านคนไม่ไปฉีดวัคซีนเข็ม 2 ตามกำหนด  สื่อสหรัฐรายงานว่า ชาวอเมริกันกว่า 5 ล้านคนหรือเกือบ 8% ของผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรกนั้น ไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนด  ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐระบุว่า จำนวนผู้ที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 3.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของจำนวนผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการรณรงค์ฉีดวัคซีนทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า สำหรับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นานั้นประชาชนต้องกลับมาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ภายใน 3-4 สัปดาห์หลังจากฉีดเข็มแรกเพื่อให้วัคซีนมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่
  • (-) Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งนิวไฮ 14 เดือน  ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 121.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโควิด-19 ในเดือนก.พ.2563 จากระดับ 109.0 ในเดือนมี.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 113.0
  • (-) “เอสแอนด์พี” เผยราคาบ้านสหรัฐพุ่งขึ้น 12% ในเดือนก.พ.  ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 12% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว โดยเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2549 หลังจากเพิ่มขึ้น 11.2% ในเดือนม.ค.
  • (-) จับตาสหรัฐเผย GDP Q1/64 พฤหัสฯนี้ นักวิเคราะห์ชูเศรษฐกิจโต 6.1%  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 ในวันพฤหัสบดีนี้  ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 6.1% ในไตรมาส 1 ซึ่งจะเป็นตัวเลขการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546 หลังจากที่เติบโต 4.3% ในไตรมาส 4/2563  ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวมากกว่า 7.0% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากหดตัว 3.5% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 74 ปี
  • (-) สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากาก หลังฉีดวัคซีนเกือบครึ่งประเทศ  ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุในวันอังคารว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างการเดินเล่น หรือเดินป่าได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องสวมหน้ากาก แต่ยังบังคับใช้มาตรการสวมหน้ากากในที่สาธารณะโดยทั่วไปอยู่ ตามรายงานของรอยเตอร์  การปรับปรุงมาตรการสวมหน้ากากของ CDC มีขึ้นหลังจากที่ชาวอเมริกันกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส และราว 1 ใน 3 ของชาวอเมริกันในวัยผู้ใหญ่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งทาง CDC มองว่ามาตรการใหม่นี้เป็นเพียงก้าวแรกในการช่วยให้ชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนครบโดส สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆได้ตามปกติ จากที่ต้องหยุดไปช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 
  • (-) ดอลล์แข็งค่าตามทิศทางบอนด์ยีลด์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) โดยดอลลาร์ปรับตัวตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมติการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.11% แตะที่ 90.9048 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.73 เยน จากระดับ 108.10 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9142 ฟรังก์ จากระดับ 0.9140 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2407 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2399 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2089 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2091 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3901 ดอลลาร์
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย จับตาประชุมเฟด-ผลประกอบการบริษัทเทคโนฯ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์และอัลฟาเบท จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย รวมทั้งจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,984.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด หรือ +0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,186.72 จุด ลดลง 0.90 จุด หรือ -0.02% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,090.22 จุด ลดลง 48.56 จุด หรือ -0.34%

- Advertisement -

Comments
Loading...