GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 26 เม.ย.64(ภาคเช้า) by YLG

279

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ซื้อขายทำกำไรระยะสั้นตามกรอบราคา เปิดสถานะซื้อหากราคาสามารถยืนเหนือ 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ให้ทยอยขายทำกำไรหากราคายังไม่ยืนเหนือโซน 1,789-1,806 ดอลลาร์ต่อออน

แนวรับ : 1,763 1,748 1,734 แนวต้าน : 1,789 1,806 1,820

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 6.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาทองคำในระหว่างวันจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,795.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากแข็งค่าของสกุลเงินยูโร  หลังการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการเบื้องต้นของยูโรโซน เพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 53.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน  และสนับสนุนมุมมองที่ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในฝั่งยูโรโซนกำลังเร่งตัวขึ้น  และจะไม่ล้าหลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  พร้อมกับเผชิญแรงขายทำกำไรในเวลาต่อมาเนื่องจากราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านระดับสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในระหว่างสัปดาห์ได้  ประกอบกับได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด อาทิ  ยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นเกินคาดถึง 20.7% สู่ระดับ 1.021 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 62.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นจนกดดันราคาทองคำ  ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงแรงจนทเสอบระดับต่ำสุดในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ที่ 1,769.89 ดอลลาร์ตาอออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ  รวมถึงติดตามการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัท Tesla (NASDAQ 🙂 ซึ่งจะเปิดเผยผลประกอบการในวันจันทร์หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ 

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทดสอบแนวต้านโซน 1,796-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลายครั้งแต่ไม่สามารถผ่านได้ส่งผลให้มีแรงขายเพิ่มขึ้น สำหรับวันนี้ประเมินแนวต้านระยะสั้นในโซน 1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านไปได้แนวต้านสำคัญจะอยู่ในบริเวณ 1,798-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นยังประเมินในโซน 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

การเข้าซื้อยังคงเน้นการทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเข้าซื้อเฉพาะเมื่อตลาดปรับตัวลงมาในบริเวณแนวรับ 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุน 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์)ขณะที่การปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรอาจพิจารณาในโซน 1,789-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์ยังคงชะลอตัว  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังคงชะลอตัว ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ และได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.52% สู่ระดับ 90.8621 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.94 เยน จากระดับ 108.09 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9134 ฟรังก์ จากระดับ 0.9182 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2473 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2498 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2091 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2007 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3875 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3836 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะที่ระดับ 0.7756 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) นักวิเคราะห์เชื่อมั่นเฟดตรึงนโยบายผ่อนคลายต่อไปในการประชุมสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ แต่ในขณะเดียวกัน เฟดจะยังไม่บ่งชี้ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน  สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บรรดานักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐนั้นเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตราร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 40 ปีก็ตาม  สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บรรดานักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐนั้นเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตราร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 40 ปีก็ตาม
  • (-) สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่พุ่งเกินคาดในเดือนมี.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 20.7% สู่ระดับ 1.021 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 886,000 ยูนิต หลังจากดิ่งลง 16.2% ในเดือนก.พ.
  • (-)ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐพุ่งทำนิวไฮในเดือนเม.ย.  ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 62.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 59.7 ในเดือนมี.ค.
  • (-)โกลด์แมน แซคส์คาดคองเกรสหั่นข้อเสนอขึ้นภาษีของไบเดนเหลือเพียง 28%  สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีแผนที่จะปรับเพิ่มภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) สูงถึง 43.4% สำหรับชาวอเมริกันที่ร่ำรวย
  • (-)FDA-CDC ไฟเขียวสหรัฐเริ่มใช้วัคซีนป้องกันโควิดของจอห์นสันฯได้แล้ว  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐประกาศในวันศุกร์ (23 เม.ย.) ว่า ได้ตัดสินใจยกเลิกคำแนะนำให้ระงับใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) แล้ว โดยอนุญาตให้เริ่มใช้วัคซีนดังกล่าวได้อีกครั้งสำหรับประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐ  แถลงการณ์ร่วมของ FDA และ CDC ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการทบทวนด้านความปลอดภัยอย่างละเอียดแล้วซึ่งรวมถึงการประชุมสองครั้งของคณะกรรมการที่ปรึกษาของ CDC เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการสร้างภูมิคุ้มกัน (ACIP)  FDA ได้ตัดสินใจจากข้อมูลที่มีอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นว่า วัคซีนดังกล่าวมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการใช้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป “FDA และ CDC มีความเชื่อมั่นว่า วัคซีนนี้มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19” แถลงการณ์ระบุ
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 227.59 จุด ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลายตัวพุ่งขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า บริษัทต่างๆ จะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในสัปดาห์หน้า  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,043.49 จุด เพิ่มขึ้น 227.59 จุด หรือ +0.67%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,180.17 จุด เพิ่มขึ้น 45.19 จุด หรือ +1.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,016.81 จุด เพิ่มขึ้น 198.40 จุด, +1.44%
  • (+/-) อินเดียพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่เกือบ 3.5 แสนราย ดันยอดรวมใกล้แตะ 17 ล้าน  กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยในวันนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 349,691 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเป็น 16,960,172 ราย  ขณะเดียวกันพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2,767 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 192,311 ราย

- Advertisement -

Comments
Loading...