GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 24 ก.พ.64(ภาคเช้า) by YLG

367

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,795-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,827-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,795 1,779 1,760  แนวต้าน : 1,827 1,841 1,856

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดลดลง 4.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ในระหว่างวันการอ่อนค่าของดอลลาร์จะหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,815.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำลดช่วงบวกลง  โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร  พร้อมกับปรับตัวลงแรงจนแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,795.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หลังดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  หลังตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักในช่วงต้นของการซื้อขายนำโดยแรงขายหุ้นให้กลุ่มเทคโนโลยี  ก่อนที่ตลาดหุ้นจะลดช่วงติดลบ  ขณะที่ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเวลาต่อมา  โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในระหว่างแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้  ทั้งนี้  พาวเวลล์ระบุชัดว่า “เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ห่างไกลจากเป้าหมาย ทั้งในแง่ของการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ  และมีแนวโน้มว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ” บ่งชี้ว่านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนส่งให้ทองคำดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง  แต่จะสังเกตได้ว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังอยู่ในกรอบ  เนื่องจากพาวเวลล์มองว่าการลดลงของผู้ติดเชื้อเมื่อเร็ว ๆ นี้และการฉีดวัคซีนต้าน COVID-19 อย่างต่อเนื่องทำให้คาดการณ์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้  ซึ่งนั่นช่วยพยุงดอลลาร์เอาไว้จนสกัดช่วงบวกราคาทองคำ  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -4.96 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ของประธานเฟด  รวมถึงการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

แม้ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างจำกัด แต่ระยะสั้นหากพยายามจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ 1,827-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,827 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของสัปดาห์ที่ผ่านมา)ได้อย่างมั่นคง จะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาลงมาสู่ 1,795-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

หากสามารถยืนเหนือ 1,795-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดสถานะซื้อ โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการขายทำกำไรอาจพิจารณาดูบริเวณ 1,821-1,827 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านขึ้นไปให้ชะลอการขายไปที่ 1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) “พาวเวล” ส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงิน ย้ำเฟดมุ่งมั่นพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ในการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้  “เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายด้านเงินเฟ้อและการจ้างงานของเฟด และมีแนวโน้มว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะมีความคืบหน้ามากขึ้น” นายพาวเวลกล่าว  นายพาวเวลย้ำว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ และสร้างความมั่นใจว่าการฟื้นตัวจะมีความแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวว่า แรงกดดันด้านราคายังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก  “เมื่อพิจารณาในรอบ 12 เดือน อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของเรา” นายพาวเวลกล่าว  ขณะเดียวกัน ประธานเฟดระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดต่ำลง และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในวงกว้าง ได้สร้างความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
  • (-) “เอสแอนด์พี” เผยราคาบ้านสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบ 7 ปีในเดือนธ.ค.  ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 10.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี
  • (-) “พาวเวล” คาดเศรษฐกิจสหรัฐโต 6% ปีนี้  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 6% ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 หลังมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในวงกว้าง  ต่อข้อซักถามจากคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวมากถึง 6% ตามที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ไว้หรือไม่ นายพาวเวลตอบว่า “เป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวในช่วงดังกล่าว”  นอกจากนี้ นายพาวเวลยังเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐอาจดีดตัวกลับขึ้นไปแตะระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่นายพาวเวลปฏิเสธที่จะระบุอย่างชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้หรือไม่
  • (-) ดอลลาร์แข็งค่า ขานรับพาวเวลเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอังกฤษประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.15% แตะที่ 90.1663 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.31 เยน จากระดับ 105.03 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9055 ฟรังก์ จากระดับ 0.8957 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2593 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2602 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2144 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2164 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.4107 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4074 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7910 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7922 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐสูงกว่าคาดในก.พ.  ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 91.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 88.9 ในเดือนม.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 90.0
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวก 15.66 จุด รับพาวเวลเดินหน้าผ่อนคลายการเงิน  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,537.35 จุด เพิ่มขึ้น 15.66 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,881.37 จุด เพิ่มขึ้น 4.87 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,465.20 จุด ลดลง 67.85 จุด หรือ -0.50%

- Advertisement -

Comments
Loading...