GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 23 มี.ค.64(ภาคเช้า) by YLG

510

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว ซื้อในบริเวณ 1,717-1,707 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,707 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ ควรเน้นการลงทุนระยะสั้นและไม่ควรถือสถานะจำนวนมาก เมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นจะมีแนวต้านบริเวณ 1,743-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,717 1,707 1,690 แนวต้าน : 1,743 1,759 1,776

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  5.74  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ในช่วงต้นวันได้รับแรงกดดันหลักจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์  จากแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับวิกฤติการณ์ในตรุกี  หลังประธานาธิบดีตุรกี สั่งปลดผู้ว่าการธนาคารกลางตุรกี นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวเกี่ยวผลการทดลองวัคซีนต้าน COVID-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าและม.อ็อกซ์ฟอร์ดในสหรัฐ  ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพ 79% ในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ และมีประสิทธิภาพ มากถึง 100% ในการป้องกันอาการติดเชื้อรุนแรง  สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ  1,727.20  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่จะมีแรงซื้อหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น  ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์ลดช่วงบวกลง  หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่เกินคาด  อาทิ  ยอดขายบ้านมือสอง และดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ที่ปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ -1.09 ในเดือนก.พ.  ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.675% ท่ามกลางแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากวิกฤตการณ์ในตุรกีเช่นกัน  นั่นช่วยหนุนให้ราคาทองคำลดช่วงติดลบ  และฟื้นขึ้นมาปิดตลาดบริเวณ 1,739.12 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ และดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์  รวมถึงจับตาการแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ  ต่อคณะกรรรมาธิการด้านบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำยังคงพยายามยืนเหนือ 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,743-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นได้จะเกิดแรงขายออกมาเป็นระยะ โดยแนวรับระยะสั้นจะอยู่ที่ 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์  และแนวรับสำคัญจะอยู่บริเวณ 1,707 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เข้าซื้อเก็งกำไรจากการดีดตัวขึ้นหากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซน 1,717-1,707 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,707 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,743-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) รัสเซียผิดหวัง หลัง “ไบเดน” เมินประชุมออนไลน์กับ “ปูติน”  กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแสดงความเสียใจที่ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธข้อเสนอของรัสเซียที่จะให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเข้าร่วมการประชุมผ่านระบบออนไลน์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
  • (+) บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วง นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตร กังวลวิกฤตการณ์ในตุรกี  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในตุรกี  ณ เวลา 18.02 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.679% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.389%
  • (+) เฟดชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่ำกว่าคาดในเดือนก.พ.  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ -1.09 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +0.68 จากระดับ +0.75 ในเดือนม.ค.
  • (+) สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.พ.  สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลงมากกว่าที่คาดไว้ โดยดิ่งลง 6.6% สู่ระดับ 6.22 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 103.23 จุด รับบอนด์ยีลด์ร่วง-หุ้นเทคโนฯพุ่งแรง  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงจากระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นกว่า 2.3% หลังจากบริษัท Ark Investment Management คาดการณ์ว่า ราคาหุ้นเทสลาจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ภายในปี 2568  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,731.20 จุด เพิ่มขึ้น 103.23 จุด หรือ +0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,940.59 จุด เพิ่มขึ้น 27.49 จุด หรือ +0.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,377.54 จุด เพิ่มขึ้น 162.31 จุด หรือ +1.23%
  • (+/-) “พาวเวล” ชี้สกุลเงินคริปโตมีความผันผวน ถือเป็นสินทรัพย์เก็งกำไร  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก จึงไม่มีประโยชน์มากนักในการเป็นสินทรัพย์ที่สามารถกักเก็บมูลค่า  นายพาวเวลยังระบุว่า สกุลเงินดิจิทัลไม่ได้รับการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์อื่น โดยแตกต่างจากดอลลาร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเฟด  “สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรมากกว่า จึงไม่ได้ถูกใช้โดยเฉพาะเพื่อเป็นสื่อกลางในการชำระเงิน โดยสกุลเงินดังกล่าวเป็นสินทรัพย์เก็งกำไรซึ่งจะมาทดแทนทองคำ มากกว่าที่จะมาทดแทนดอลลาร์” นายพาวเวลกล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในการประชุมธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS)  นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวว่า เฟดจะไม่เดินหน้ากระบวนการออกสกุลเงินดิจิทัลของเฟด หากไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส
  • (+/-) กูรูฟันธงบิตคอยน์พุ่งแตะ 300,000 ดอลลาร์ ก่อนเผชิญภาวะฟองสบู่แตก  นายบ๊อบบี้ ลี ผู้ก่อตั้ง BTCC ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล กล่าวว่า บิตคอยน์กำลังอยู่ในภาวะตลาดกระทิง และมีโอกาสทะยานขึ้นแตะระดับ 300,000 ดอลลาร์ หรือราว 9,300,000 บาท หากพิจารณาตามรูปแบบการปรับตัวในอดีตที่ผ่านมา  นายลีกล่าวว่า บิตคอยน์มีวัฏจักรภาวะตลาดกระทิงขนาดใหญ่ถึง 2 ครั้งในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2560 ซึ่งในปีดังกล่าว บิตคอยน์พุ่งใกล้แตะ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี จากระดับเพียง 1,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี  ส่วนในปีนี้ บิตคอยน์ปรับตัวอย่างร้อนแรงเช่นกัน โดยอยู่ที่ราว 30,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี และพุ่งทะลุ 60,000 ดอลลาร์ในต้นเดือนนี้ ก่อนที่จะอยู่ที่ราว 58,000 ดอลลาร์ในวันนี้  อย่างไรก็ดี นายลีเตือนว่า บิตคอยน์จะเผชิญภาวะฟองสบู่แตก หลังจากแตะระดับสูงสุด ซึ่งจะทำให้บิตคอยน์เผชิญช่วงขาลงเป็นเวลาหลายปี และมูลค่าบิตคอยน์อาจหายไปถึง 80-90% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • (+/-) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐร่วง  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.18% แตะที่ 91.7523 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.80 เยน จากระดับ 108.88 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9234 ฟรังก์ จากระดับ 0.9291 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2509 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2494 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1941 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1909 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3863 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3870 ดอลลาร์

- Advertisement -

Comments
Loading...