GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 22 เม.ย.64(ภาคเช้า) by YLG

517

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ราคาอาจขึ้นไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,800-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,777-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,777 1,763 1,748  แนวต้าน : 1,806 1,820 1,836

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น  16.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำทะลุผ่านระดับสูงสุดเดิมของสัปดาห์นี้บริเวณ 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ส่งผลให้เกิดแรงซื้อตามทางเทคนิค  ประกอบกับราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานหลายปัจจัย  ได้แก่  (1.) แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในอินเดียและญี่ปุ่น  รวมถึงแรงซื้อทองคำท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์หลังจากวานนี้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวสุนทรพจน์ประจำปี (State of the Nation) ต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงและสมาชิกรัฐสภารัสเซียเตือนประเทศต่างๆว่า อย่าได้ทำการยั่วยุรัสเซีย  เพราะรัสเซียจะทำการตอบโต้อย่างรวดเร็วและรุนแรงต่อศัตรูที่ล้ำ “เส้นแดง” ของรัสเซีย  (2.) ดัชนีดอลลาร์ลดช่วงบวกที่ทำมาในระหว่างวัน  และปิดตลาดด้วยการอ่อนค่าลง -0.10% หลังธนาคารกลางแคนาดาประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ในวันนี้ แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 พร้อมปรับ “ลด” วงเงิน QE ลง  และ(3.)อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงปิดที่ 1.537% จากแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  ขณะที่ดีมานด์ในการประมูลพันธบัตรรอายุ 20 ปีของสหรัฐอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยกดดันบอนด์ยีลด์เพิ่ม  ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,797.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR  ถือครองทองคำมาเปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)  รวมถึงการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก CB และยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำเกิดแรงซื้อจนราคาดีดตัวขึ้นโดยมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1,800-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หากไม่สามารถผ่านไปได้ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันมาอีกครั้ง ระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,783-1,777 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น โดยแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ หากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,783-1,777 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ )และขายให้ทยอยทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,800-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) เงินดอลล์อ่อน วิตกโควิดระบาดหนักในอินเดีย-ญี่ปุ่น  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังมีรายงานว่าไวรัสโควิด-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักในอินเดียและญี่ปุ่น ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.19% แตะที่ 91.1560 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.10 เยน จากระดับ 108.11 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2496 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2617 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9172 ฟรังก์ จากระดับ 0.9161 ฟรังก์  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2028 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2029 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3927 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3928 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7751 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7715 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) “ปูติน” ลั่นพร้อมตอบโต้รุนแรง หากต่างชาติล้ำเส้น  ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวสุนทรพจน์ประจำปี (State of the Nation) ต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงและสมาชิกรัฐสภารัสเซียในวันนี้ โดยเตือนประเทศต่างๆว่า อย่าได้ทำการยั่วยุรัสเซีย  ปธน.ปูตินกล่าวว่า รัสเซียจะทำการตอบโต้อย่างรวดเร็วและรุนแรงต่อศัตรูที่ล้ำ “เส้นแดง” ของรัสเซีย  ปธน.ปูตินยังได้กล่าวยกย่องแผนการลงทุนด้านการศึกษาของกองทัพ พร้อมกับการพัฒนาอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียง และขีปนาวุธข้ามทวีป อย่างไรก็ดี ปธน.ปูตินยืนยันว่ารัสเซียเป็นประเทศที่ต้องการสันติภาพ และต้องการให้มีการทำข้อตกลงควบคุมอาวุธ  นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังได้กล่าวถึงการต่อสู้กับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจและสังคมในรัสเซีย
  • (+) ราคาบิทคอยน์ทรุดกว่า4%เคลื่อนไหวที่ 53,000 ดอลล์  ราคาบิทคอยน์เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 06.20 น.ของวันนี้ (22เม.ย.)ปรับตัวลง 4.24%เคลื่อนไหวที่ราคา 53,786.63 ดอลลาร์  ทั้งนี้ บิทคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีมูลค่าซื้อขายลดลงมากถึง 15% สู่ระดับ 51,541 ดอลลาร์ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนมูลค่าที่ลดลงนี้ทบผลกำไรที่ได้มาช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกือบทั้งหมด  มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มูลค่าของบิทคอยน์ทะยานไปถึง 12,000 ดอลลาร์จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธ ส่วนอีเธอร์ ซึ่งเป็นคู่แข่งที่มีขนาดเล็กกว่าและเป็นเหรียญที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอีเธอร์เรียม บล็อกเชน ลดลง 10% เหลือ 2,101 ดอลลาร์
  • (-) สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชี้โควิดฉุดการบริโภคในเยอรมนีแย่สุดรอบ 70 ปี  สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างผลการศึกษาจากสถาบันเศรษฐกิจเยอรมัน (IW) ที่เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (20 เม.ย.) ที่ผ่านมาว่า การบริโภคในเยอรมนี ปี 2563 ลดลง 6.1% เทียบรายปี ซึ่งนับเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 70 ปี  รายงานระบุว่า ชาวเยอรมันใช้จ่ายกับการบริโภคส่วนบุคคลลดลงอย่างน้อย 1,250 ยูโร (ราว 4.7 หมื่นบาท) ในปี 2563 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายปีในปี 2562 โดยคิดเป็นเงินรวม 1.16 แสนล้านยูโร (ราว 4.3 ล้านล้านบาท)
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 316.01 จุด นักลงทุนช้อนซื้อหลังราคาหุ้นร่วงหนัก  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสายการบิน โดยแรงช้อนซื้อหุ้นเหล่านี้ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากการที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์ดิ่งลงกว่า 7% หลังบริษัทเปิดเผยจำนวนผู้ใช้บริการลดลงในไตรมาสแรกปีนี้  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,137.31 จุด เพิ่มขึ้น 316.01 จุด หรือ +0.93% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,173.42 จุด เพิ่มขึ้น 38.48 จุด หรือ +0.93% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,950.22 จุด เพิ่มขึ้น 163.95 จุด หรือ +1.19%
  • (-) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว ขานรับดอกเบี้ยลดลง  สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองพุ่งขึ้น 8.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง  ทั้งนี้ จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 6% ในสัปดาห์ที่แล้ว และพุ่งขึ้น 57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  ส่วนจำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์พุ่งขึ้น 10% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ลดลง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

- Advertisement -

Comments
Loading...