GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 21 เม.ย.64(ภาคเช้า) by YLG

266

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ราคายังมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้าน 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่าน ประเมินแนวรับที่ 1,761-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,761 1,748 1,734  แนวต้าน : 1,790 1,806 1,820

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการความวิตกว่าสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกจะขัดขวางเส้นทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ  ขณะที่นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผอ.WHO ออกมาแสดงความกังวลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์  นอกจากนี้ยังเกิดความวิตกเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนต้าน COVID-19 หลังจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ว่า การใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) อาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน  ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกลับมาปิดรับความเสี่ยง(Risk off) ด้วยการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น  พร้อมกับเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ  ซึ่งแรงซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ  เป็นปัจจัยกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ร่วงลงสู่ระดับ 1.566% จนเป็นปัจจัยหนุนทองคำอีกทาง  สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,763.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,780.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำถูกสกัดช่วงบวกจากการฟื้นตัวของดอลลาร์  จากแรงช้อนซื้อหลังจากที่ดอลลาร์ร่วงลงติดต่อกันหลายวันและแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของสัปดาห์นี้)ได้แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น หากยืนได้แข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไป 1,800-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นอยู่ในบริเวณ 1,761-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น โดยแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ หากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,761-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาทุนหากหลุด 1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ )และขายให้ทยอยทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,790-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่การไล่ซื้ออาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 256.33 จุด วิตกโควิดฉุดหุ้นสายการบิน-เรือสำราญดิ่งหนัก  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ โดยความวิตกกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,821.30 จุด ลดลง 256.33 จุด หรือ -0.75% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,134.94 จุด ลดลง 28.32 จุด หรือ -0.68% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,786.27 จุด ลดลง 128.50 จุด หรือ -0.92%
  • (+) อังกฤษเผยอัตราว่างงานลดลงในช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ. สวนทางคาดการณ์  สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษรายงานว่า อัตราการว่างงานของอังกฤษปรับตัวลงสู่ระดับ 4.9% ในช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ. จากระดับ 5.0% ในช่วงเดือนพ.ย.-ม.ค.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า อัตราการว่างงานของอังกฤษจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.1% ในช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ.
  • (+) ยุโรปเตือนวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสันฯ อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน  องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) จัดการแถลงข่าวในวันนี้ ยืนยันว่า การใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่พัฒนาโดยแจนเซน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) อาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน  “คณะกรรมการความปลอดภัยของ EMA ได้ข้อสรุปว่า ควรมีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดที่ผิดปกติพร้อมกับเกล็ดเลือดต่ำในข้อมูลผลิตภัณฑ์วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแจนเซน โดยเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและผู้ที่จะได้รับวัคซีนดังกล่าวควรตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดที่ผิดปกติรวมทั้งการมีเกล็ดเลือดต่ำภายในเวลา 3 สัปดาห์หลังการฉีดวัคซีน” แถลงการณ์ระบุ  อย่างไรก็ดี EMA ระบุว่า ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสันฯ ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • (-) เงินดิจิตัล ‘โดชคอยน์’ ได้แรงส่งจาก #DogeDay ดันราคาทะลุเพดาน  เงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในโลกการลงทุนปัจจุบัน นำโดย บิทคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา  และนอกจากบิทคอยน์แล้ว เงินดิจิทัลอีกสกุลหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘โดชคอยน์’ (Dogecoin) ก็ได้รับการพูดถึงไม่น้อย และล่าสุดได้ทำราคาขึ้นไปถึงระดับสูงสุดเป็นสถิติใหม่ หลังจากได้รับแรงหนุนจากกระแสแฮชแท็ก #DogeDay ในสื่อสังคมออนไลน์  ราคาโดชคอยน์ในวันอังคารแตะระดับ 42 เซ็นต์ต่อ 1 เหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้น 500% จากสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 8,000% ตั้งแต่เริ่มปีนี้ ทำให้เงินดิจิทัลสกุลนี้มีมูลค่ารวมเกินหลัก 50,000 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว
  • (-) เงินดอลล์แข็งค่า นักลงทุนช้อนซื้อหลังดอลล์ดิ่งต่ำสุดรอบ 7 สัปดาห์  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากดอลลาร์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.19% แตะที่ 91.2419 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 108.11 เยน จากระดับ 108.09 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9161 ฟรังก์ จากระดับ 0.9145 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2617 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2531 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2029 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2039 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3928 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3989 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7715 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7760 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) อิสราเอลเตรียมเริ่มโครงการฉีดวัคซีนโควิดทั่วประเทศอีกครั้งสิ้นปีนี้  นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า อิสราเอลจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะรวมถึงการฉีดวัคซีนให้แก่เด็ก  นายเนทันยาฮูกล่าวว่า เขาได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาในการซื้อวัคซีนเพิ่มเติมอีก 16 ล้านโดส นอกเหนือจากจำนวนหลายล้านโดสที่ได้สั่งซื้อไปแล้ว  นายเนทันยาฮูระบุว่า แผนการฉีดวัคซีนครั้งใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์

- Advertisement -

Comments
Loading...