GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 12 เม.ย.64(ภาคเช้า) by YLG

310

- Advertisement -


โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,731 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถรอขายทำกำไรหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้านโซน 1,759-1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้ายืนไม่อยู่ให้รอซื้อบริเวณแนวรับโซน 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,731 1,717 1,696  แนวต้าน : 1,767 1,783 1,800

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 12.15  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ระหว่างวันราคาทองคำจะพยายามทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,757.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่ราคาทองคำกลับเผชิญกับแรงขายทำกำไร  และแรงขายทางเทคนิคหลังจากเกิดสัญญาณ Bearish RSI Divergence ที่สะท้อนว่าแรงซื้อชะลอตัวลง  ก่อนที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงแรง  หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค. นอกจากนี้  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2011 อีกด้วยสถานการณ์ดังกล่าวหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีให้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.664% ซึ่งกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย  พร้อมกับหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ระดับ 92.20 ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำเพิ่ม  ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,731.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  แรงซื้อ Buy the dip หนุนทองฟื้นจากระดับต่ำสุด  ประกอบกับสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดจึงช่วยสร้างแรงหนุนให้แก่ทองคำในช่วงปลายตลาด  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้  ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำพยายามทรงตัวยืนเหนือแนวรับในโซน  1,731 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดของวันก่อนหน้า) หากยืนได้แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะ ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านโซน 1,759-1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับถัดไปนั้นอยู่จะในบริเวณ 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,731-1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ อาจพิจารณาแบ่งขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,759-1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบเนื่องจาก TFEX จะปิดทำการในวันอังคาร-วันพฤหัสบดี

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) เกาหลีเหนือสร้างเรือดำน้ำลำใหม่เสร็จเรียบร้อย คาดเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธ  สำนักข่าวยอนฮัพรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้และสหรัฐเชื่อว่า เกาหลีเหนือเตรียมใช้งานเรือดำน้ำลำใหม่ขนาด 3,000 ตัน หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลการสร้างเรือดำน้ำดังกล่าวเมื่อเดือนก.ค. 2562 โดยเรือดำน้ำลำใหม่นี้สามารถบรรทุกขีปนาวุธที่สามารถยิงจากเรือดำน้ำได้ถึง 3 ลูก  สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทางการประเมินว่า เกาหลีเหนือกำลังทบทวนจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะใช้เรือดำน้ำด้านยุทธิวิธี ซึ่งรวมถึงการสร้างแรงกดดันสูงสุดต่อสหรัฐ
  • (+) อียูสั่งตรวจสอบวัคซีนโควิดของจอห์นสันฯ หลังพบกรณีลิ่มเลือดอุดตัน  สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (9 เม.ย.) องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ได้เปิดเผยการตรวจสอบกรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 4 รายเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยแจนเซน (Janssen) บริษัทเภสัชภัณฑ์ในเครือจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)  แถลงการณ์จาก EMA ระบุว่า คณะกรรมการด้านความปลอดภัยได้เริ่มประเมินกรณีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นจากการแข็งตัวของลิ่มเลือด และส่งผลให้หลอดเลือดอุดตันในผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแจนเซน
  • (+) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.พ.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนม.ค.
  • (-) สหรัฐเผยดัชนี PPI (Y/Y) พุ่งสูงสุดรอบกว่า 9 ปีในเดือนมี.ค.  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.พ.
  • (-) ดอลล์แข็งค่าตามบอนด์ยีลด์สหรัฐ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจแกร่ง  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.11% สู่ระดับ 92.1629 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.65 เยน จากระดับ 109.25 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9249 ฟรังก์ จากระดับ 0.9238 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2527 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2567 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1903 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1915 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3715 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3735 ดอลลาร์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 297.03 จุด หุ้นเติบโตหนุนตลาดทำนิวไฮ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เช่นเดียวกับดัชนี S&P500 และยังปิดตลาดปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันด้วย โดยตลาดได้แรงหนุนบางส่วนจากหุ้นเติบโต (growth stocks) ที่ดีดตัวขึ้น ขณะที่ตลาดโดยรวมทะยานขึ้นในช่วงท้ายของการซื้อขายก่อนที่บรรดาบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2564 ในสัปดาห์หน้า  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,800.60 จุด เพิ่มขึ้น 297.03 จุด หรือ +0.89%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,128.80 จุด เพิ่มขึ้น 31.63 จุด หรือ +0.77% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,900.19 จุด เพิ่มขึ้น 70.88 จุด หรือ +0.51%
  • (+/-) “พาวเวล” ชี้เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในจุดหักเห เตือนเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไปอาจทำยอดโควิดพุ่ง  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับรายการ “60 Minutes” ของสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในจุดหักเห (Inflection Point) โดยอธิบายว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยง หากการเปิดเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเกินไปส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก  ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 Minutes ในคืนวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ (11 เม.ย.) นั้น นายพาวเวลได้แสดงมุมมองในด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ส่งสัญญาณเตือนว่า สหรัฐยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ในขณะนี้    “เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความเสี่ยงที่ว่า หากมีการเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไป ประชาชนก็จะกลับไปมีพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตแบบเดิมเร็วขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก ในขณะเดียวกันผมมองว่า การที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและไม่มีความเสี่ยงนั้น เราต้องควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ก่อน และสิ่งที่ประชาชนต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องคือ การเว้นระยะห่างทางสังคม และการสวมหน้ากากอนามัย” นายพาวเวลกล่าว  ทั้งนี้ นายเจอโรมยังกล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลสหรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวเร็วขึ้น  นอกจากนี้ นายพาวเวลยังให้คำมั่นว่า เฟดจะยังคงดำเนินโยบายเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป พร้อมกับส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

- Advertisement -

Comments
Loading...