GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 11 ก.พ.64(ภาคเช้า) by YLG

321

- Advertisement -


โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เน้นเก็งกำไรในกรอบจากการแกว่งตัว หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,855-1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เสี่ยงเปิดสถานะขาย โดยตัดขาดทุนหากผ่านแนวต้านในโซน 1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรอาจพิจารณาดูบริเวณ 1,830-1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้ให้ชะลอการเข้าซื้อคืนออกไป

แนวรับ : 1,821 1,805 1,784  แนวต้าน : 1,851 1,875 1,890

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 90.23 และปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน  ทั้งนี้  สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  หลังการเปิดเผยดัชนี CPI พื้นฐานของสหรัฐที่ทรงตัวในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค. และแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค.  นอกจากนี้  สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม  พาวเวลล์  ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ยืนยันว่า  นโยบายการเงินจะผ่อนคลายและเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป  จนกว่าจะเห็นตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อฟื้นตัวอย่างยั่งยืน  ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดวงเงิน QE พร้อมกันนี้  พาวเวลล์ยังระบุอีกว่า  อัตราการว่างงานที่แท้จริงสหรัฐยังคงอยู่ใกล้10% ไม่ใช่ทีระดับ 6.3% ตามรายงาน NFP ในเดือนม.ค.  สถานการณ์ดังกล่าวกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าจนเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,855.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่ราคาทองคำจะเกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมา  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -1.74 ตันสู่ระดับ 1,146.60 ตัน ในปี 2021 กองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -24.14 ตัน  สำหรับวันนี้  ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ  ขณะที่ปริมาณการซื้อขายทองคำในตลาดเอเชียอาจเบาบางกว่าปกติ  เนื่องจากตลาดทองคำของจีนจะเริ่มปิดทำการในวันนี้เป็นวันแรกเนื่องในเทศกาลตรุษจีน  และจะปิดทำการต่อเนื่องไปจนถึงวันพุธหน้า

จจัยทางเทคนิค :

ราคาขยับขึ้นแต่ก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ขณะที่แรงซื้อดันราคาลดลง โดยราคาพยายามเคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบ ซึ่งหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,855-1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีผลให้ราคาอาจปรับตัวลงมาเพื่อสร้างฐานราคา มีโอกาสเกิดแรงขายกลับลงมา โดยมีแนวรับในโซน 1,830-1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเสี่ยงขายเก็งกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,855-1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์อย่างแข็งแกร่ง ตัดขาดทุนหากราคาผ่านโซนบริเวณ 1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทำกำไรโดยเข้าซื้อคืนหากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,830-1,821ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดสามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนพ.ย.  เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งร่วงลง 1.6% ในเดือนธ.ค.
  • (+) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเผยเงินเฟ้อต่ำ  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากการที่สหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ รวมทั้งการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ลดลง 0.08% สู่ระดับ 90.3726 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8898 ฟรังก์ จากระดับ 0.8918 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2689 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2695 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 104.63 เยน จากระดับ 104.54 เยน  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2128 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2117 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3840 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3811 ดอลลาร์
  • (-) เยอรมนีจ่อขยายล็อกดาวน์อีกเดือน หวั่นโควิดพันธุ์ใหม่ แม้ยอดรายวันลดลง  ทางการเยอรมนีเตรียมขยายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ออกไปจนถึงวันที่ 14 มี.ค. จากเดิมซึ่งกำหนดไว้ถึงวันที่ 14 ก.พ. นี้  ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และบรรดาผู้ว่าการทั้ง 16 รัฐมีมติเห็นชอบให้ขยายมาตรการออกไปหลังการหารือร่วมกัน
  • (-) สื่อตีข่าววัคซีนโควิดของจีนโดสเดียว มีประสิทธิภาพป้องกันกว่า 65%  สำนักข่าวซินหัวรายงานการเปิดเผยของสื่อต่างประเทศระบุว่า ผลวิเคราะห์ระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแคนซิโน (CanSino) จากจีน มีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ที่แสดงอาการได้ที่ระดับ 65.7% และมีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงได้ถึง 90.98% ด้วยการฉีดเพียงโดสเดียว  เมื่อวันจันทร์ (8 ก.พ.) สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานโดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของปากีสถานว่า ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดใช้อะดิโนไวรัส ไทป์ 5 เป็นตัวนำพา (Ad5-nCoV) นั้น ได้มาจากผู้เข้าร่วมการทดสอบ 30,000 คนในหลายประเทศ และผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยัน 101 ราย โดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลอิสระในปากีสถานได้ดำเนินการวิเคราะห์ดังกล่าว  ไฟซาล ซุลตาน ผู้ช่วยพิเศษด้านสาธารณสุขของนายกรัฐมนตรีปากีสถานทวีตข้อความว่า “ถ้านับเฉพาะในปากีสถาน ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการอยู่ที่ 74.8% และประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงอยู่ที่ 100%” พร้อมเสริมว่า ไม่มีรายงานถึงความกังวลด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรงแต่อย่างใด
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวก 61.97 จุด หลังพาวเวลส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยหนุนศก.  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ย้ำว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,437.80 จุด เพิ่มขึ้น 61.97 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,909.88 จุด ลดลง 1.35 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,972.53 จุด ลดลง 35.16 จุด หรือ -0.25%
  • (+/-) “ทวิตเตอร์” ยอมรับเคยคิดถือบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ในงบดุลบัญชี  นายเนด ซีกัล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของบริษัททวิตเตอร์ อิงค์ กล่าวว่า ทวิตเตอร์ได้เคยพิจารณาว่าบริษัทจะถือบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ในงบดุลบัญชีหรือไม่  อย่างไรก็ดี ทวิตเตอร์ยังไม่ได้มีการตัดสินใจในประเด็นดังกล่าว
  • (+/-) สหรัฐเผยดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. สอดคล้องคาดการณ์  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% เช่นกันในเดือนธ.ค.  ดัชนี CPI ยังคงอยู่ในระดับต่ำในเดือนม.ค. โดยถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้กระทบต่อตลาดแรงงานและภาคบริการ  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.5% เมื่อเทียบรายปี

- Advertisement -

Comments
Loading...