GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 9 มิ.ย.64(ภาคเช้า) by YLG

293

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น โดยรอจังหวะการอ่อนตัวลงบริเวณโซน 1,884-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงค่อยเข้าซื้อ หรือ หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,912-1,917 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป

แนวรับ : 1,884 1,869 1,857  แนวต้าน : 1,917 1,934 1,959

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  6.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนในกรอบ 1,903.19-1,884.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ทั้งนี้  ราคาทองคำปรับตัวขึ้นก่อนในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย  ก่อนจะอ่อนตัวลงในช่วงต้นของตลาดยุโรป  หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ออกมาแย่เกินคาดซึ่งกดดันยูโรและทองคำให้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวัน  อย่างไรก็ดี  ราคาดีดตัวขึ้นแรงในเวลาต่อมาโดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10 ปีที่ร่วงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 1.513% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. หลัง NFIB เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ 99.6 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยให้พุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,903 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง  แต่ราคาทองคำทิ้งตัวลงแรงจากแรงขายทำกำไรในเวลาต่อมา  ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น  ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10 ปีฟื้นตัวขึ้นขานรับการเปิดเผยตัวเลขสหรัฐรายการอื่นที่ออกมาดีเกินคาด  อาทิ  ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐที่ลดลงสู่ระดับ 6.89 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.90 หมื่นล้านดอลลาร์ และตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 9.3 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย.แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนธ.ค.2000  ส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาปิดตลาดบริเวณ 1,892.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐ

- Advertisement -

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน  1,912-1,917 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของเดือนพ.ค.,มิ.ย.)แต่หากแรงซื้อไม่มากพอหรือราคาไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบ แนวรับ 1,884 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับถัดไปนั้นอยู่ในบริเวณ 1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

รอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,884-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตสถานะซื้อหากราคาหลุด 1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,912-1,917 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดทยอยปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวลงในเดือนพ.ค.  สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวลง 0.2 จุด สู่ระดับ 99.6 ในเดือนพ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน 
  • (+) ‘จีน’ เตือน ‘สหรัฐ’ เจรจาเอฟทีเอ ‘ไต้หวัน’  นายจ้าว ลี่เจียง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวในวันอังคาร (8 มิ.ย.) เรียกร้องให้สหรัฐ ยกเลิกการกระทำไม่ว่าจะในรูปแบบใดๆ ที่จะเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน และควรต้องดำเนินนโยบายเกี่ยวกับไต้หวันอย่างรอบคอบ พร้อมกับหลีกเลี่ยงการส่งสัญญานผิดๆ ถึงไต้หวัน  จีน อ้างว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีน ท่ามกลางความพยายามของไต้หวันที่ต้องการให้ได้รับการยอมรับในฐานะประเทศเอกราช  ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้เพิ่มการสนับสนุนไต้หวันต่อเนื่อง ทั้งอนุมัติการขายอาวุธทางการทหาร ส่งผู้แทนระดับสูงเยือน และล่าสุดให้คำมั่นว่าจะบริจาควัคซีนโควิด-19 จำนวน 750,000 โดส เพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับโควิด-19 โดยทุกความเคลื่อนไหวทำให้รัฐบาลปักกิ่งขุ่นเคืองใจ  อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 มิ.ย.) นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวกับสภาคองเกรสว่า การจัดทำเอฟทีเอระหว่างสหรัฐและไต้หวัน จะเริ่มต้นขึ้นเร็วๆนี้
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานพุ่งเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย.  สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.3 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนธ.ค.2543 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.18 ล้านตำแหน่ง
  • (-) สหรัฐเผยขาดดุลการค้าต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 8.2% สู่ระดับ 6.89 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.90 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.50 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • (-) ดอลล์แข็งรับข้อมูลเศรษฐกิจสดใส ตลาดจับตา CPI สหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตัวเลขขาดดุลการค้าที่ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.14% แตะที่ 90.0731 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.48 เยน จากระดับ 109.26 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2105 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2070 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.8963 ฟรังก์ จากระดับ 0.8972 ฟรังก์  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2180 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2195 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.4164 ดอลลาร์
  • (-) เวิลด์แบงก์ปรับเพิ่มประมาณการ GDP โลกสู่ 5.6% ปีนี้ จากอานิสงส์ศก.สหรัฐ,จีน  ธนาคารโลกออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในวันนี้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5.6% ในปีนี้ สูงกว่าระดับ 4.1% ที่คาดการณ์ในเดือนม.ค.  ธนาคารโลกระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เป็นการดีดตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 80 ปีจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน  อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกเตือนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่เท่าเทียมกัน โดยเศรษฐกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่และกำลังพัฒนายังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อันเนื่องจากปัญหาการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19  ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5% ในปีหน้า จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.3% หากประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 6.8% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 3.5% และคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 4.2% ในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 3.6% และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.4% จากเดิมที่ระดับ 3.4%
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดลบ 30.42 จุด นักลงทุนชะลอเทรดก่อนสหรัฐเผยเงินเฟ้อ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในวันพฤหัสบดีนี้ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ยังคงปิดในแดนบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,599.82 จุด ลดลง 30.42 จุด หรือ -0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,227.26 จุด เพิ่มขึ้น 0.74 จุด หรือ +0.02% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,924.91 จุด เพิ่มขึ้น 43.19 จุด หรือ +0.31%

- Advertisement -

Comments
Loading...