GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 9 ก.พ.65 by YLG

273

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

ราคาทองคำยังคงพยายามยืนเหนือ 1,814-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,830-1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นไปยืนได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา

แนวรับ : 1,810 1,792 1,778  แนวต้าน : 1,834 1,853 1,867

จจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังคงมีแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำอย่างต่อเนื่อง ทั้งแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก ล่าสุดสื่อรัสเซียรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้เริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหม่ทางตอนใต้ของประเทศขณะที่ทางการรัสเซียออกแถลงการณ์ “ปฏิเสธ” ข่าวที่ว่า รัสเซียจะไม่ดำเนินการทางทหารใดๆ ใกล้กับชายแดนยูเครนในขณะนี้ นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ที่กำลังจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้อาจพุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.1982 หรือในรอบ 40 ปี กระแสเงินทุนที่ไหลกลับเข้าตลาดทองคำสะท้อนจากกองทุน SPDR ที่ถือครองทองคำเพิ่ม +4.36 ตัน สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำยังคงเดินหน้าทำระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครั้งใหม่ที่ 1,828.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 1.97% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2019 และดัชนีดอลลาร์ที่แข็งขึ้น 0.22% จากการคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมไปถึงการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐก็ตาม สำหรับวันนี้ ติดตามคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดกนง.ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม และติดตามการเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ และถ้อยแถลงของนางมิเชลล์ โบว์แมน ผู้ว่าการเฟดและนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์

จจัยทางเทคนิค :

ราคาพยายามทดสอบแนวต้านที่ 1,830-1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้ายังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทดสอบระดับดังกล่าวจะมีแรงขายออกมาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,814-1,810 ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง

- Advertisement -

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,814-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตสถานะซื้อหากราคาหลุด1,792 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เมื่อราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,830-1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

• (+) รัสเซียเริ่มซ้อมรบครั้งใหม่ ไม่สน “ปูติน-มาครง” ถกคลายวิกฤตยูเครนวานนี้ สื่อของรัสเซียรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้เริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหม่ทางตอนใต้ของประเทศในวันนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการเจรจาวานนี้ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ยูเครน การซ้อมรบดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยจะเป็นการซ้อมรบในเวลากลางคืน ซึ่งจะมีการใช้ขีปนาวุธ รถถัง และรถหุ้มเกราะ อย่างไรก็ดี บริเวณที่มีการซ้อมรบดังกล่าวไม่ได้ติดกับชายแดนยูเครนแต่อย่างใด

• (+) เครมลินโต้ข่าวรัสเซียให้สัญญาไม่ซ้อมรบใกล้ยูเครน ทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวที่ว่า รัสเซียจะไม่ดำเนินการทางทหารใดๆ ใกล้กับชายแดนยูเครนในขณะนี้ ตามที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของฝรั่งเศสกล่าว หลังการเจรจาวานนี้ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รายงานดังกล่าวไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ นายเพสคอฟยังระบุว่า ปธน.ปูตินไม่ได้ให้สัญญาครั้งใหม่ว่ารัสเซียจะถอนกำลังทหารจากเบลารุสเมื่อใด โดยกองกำลังดังกล่าวจะกลับสู่ฐานทัพในรัสเซียหลังจากที่การซ้อมรบสิ้นสุดลง “แต่ไม่มีใครเคยบอกว่าทหารเหล่านี้จะอยู่ในเบลารุสตลอดไป”

• (+) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมต่ำกว่าคาดในเดือนม.ค. สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวลง 1.8 จุด สู่ระดับ 97.1 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 97.9

• (-) สหรัฐขาดดุลการค้ากว่า 8.5 แสนล้านดอลลาร์ในปี 64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.8% สู่ระดับ 8.07 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.30 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.93 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ทั้งนี้ การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.6% สู่ระดับ 3.089 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 2.281 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ สหรัฐขาดดุลการค้าพุ่งขึ้น 27.0% สู่ระดับ 8.591 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าระดับ 6.767 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563

• (-) ดอลล์แข็งตามทิศทางบอนด์ยีลด์-ตลาดจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (8 ก.พ.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นทะลุ 1.96% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2562 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.25% สู่ระดับ 95.64000 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.5380 เยน จากระดับ 115.06 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา 1.2713 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2664 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.9254 ฟรังก์ จากระดับ 0.9255 ฟรังก์ ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.1418 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1457 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3543 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3538 ดอลลาร์

• (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 371.65 จุด หุ้นแบงก์ดีดแรงหลังบอนด์ยีลด์พุ่ง ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันอังคาร (8 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นขานรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นแอมะซอน และแอปเปิล ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,462.78 จุด เพิ่มขึ้น 371.65 จุด หรือ +1.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,521.54 จุด เพิ่มขึ้น 37.67 จุด หรือ +0.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,194.45 จุด เพิ่มขึ้น 178.79 จุด หรือ +1.28%

• (+/-) สหรัฐยึดคืนบิตคอยน์ 120,000 ล้านบาท หลังถูกแฮกเกอร์ฉกจาก Bitfinex กระทรวงยุติธรรมสหรัฐแถลงในวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่สามารถยึดบิตคอยน์มูลค่ามากกว่า 3,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 120,000 ล้านบาท ซึ่งถูกแฮกเกอร์โจรกรรมจาก Bitfinex ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ในปี 2559 การยึดบิตคอยน์ดังกล่าวถือเป็นการอายัดทรัพย์สินทางการเงินที่มีมูลค่ามากเป็นประวัติการณ์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุมตัวนายอิลยา ลิคเตนสไตน์ วัย 34 ปี และนางฮีเธอร์ มอร์แกน วัย 31 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของเขา ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงินดังกล่าว ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี

- Advertisement -

Comments
Loading...