เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด
- Advertisement -
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หนุนทองคำ
คืนนี้สหรัฐไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways
- ราคาทอง Spot เมื่อวานที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,836-1,855 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงเช้าเนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามเริ่มมีแรงซื้อทองคำเล็กน้อยในช่วงเย็น จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 2.9% จากเดิมที่ระดับ 4.1% เนื่องจากผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้ซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19, ภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งความเสี่ยงของการเกิดภาวะ stagflation ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมจากเมื่อวาน
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,840 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไป 1,830 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,860 ดอลลาร์ และ 1,870 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
| Close | chg. | Support | Resistance |
| 1,850.3 | +10.9 | 1,840/1,830 | 1,860/1,870 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
| Close | chg. | Support | Resistance |
| 30,100 | -50 | 30,000/29,900 | 30,300/30,450 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
| Close | chg | Support | Resistance |
| 30,330 | +90 | 30,070/29,910 | 30,450/30,600 |
สามารถเข้าซื้อบริเวณ 1,830 ดอลลาร์ (GF 29,910 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,820 ดอลลาร์ (GF 29,830 บาท)
- Advertisement -
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
| Close | chg | Support | Resistance |
| 1,856.30 | +6.90 | 1,842/1,832 | 1,862/1,872 |
สามารถเข้าซื้อราคา GOM22 ที่ 1,832 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,822 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อวานนี้ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทาวเดียวกับตลาดภูมิภาค ทั้งนี้แนวโน้มค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.65 มีแนวรับที่ 33.90 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 34.60 บาท/ดอลลาร์
News
สหรัฐเตือนเกาหลีเหนืออาจซุ่มเตรียมทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เร็ว ๆ นี้
นายเนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สหรัฐมีความกังวลว่า เกาหลีเหนืออาจดำเนินการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ การออกมาแถลงของสหรัฐเกิดขึ้น หลังจากที่เกาหลีเหนือยังคงกระทำการยั่วยุ ด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ทั้งหมด 8 ลูกลงสู่ทะเลญี่ปุ่น ทำให้สหรัฐและเกาหลีใต้โต้ตอบด้วยการยิงขีปนาวุธแบบพื้นสู่พื้น (surface-to-surface missiles ) ทั้งหมด 8 ลูกลงสู่นอกชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ “เรายังกังวลว่า เกาหลีเหนืออาจดำเนินการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 7 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้” นายไพรซ์แถลง “นี่คือเรื่องน่ากังวลที่เราได้เตือนมานานแล้ว ผมบอกได้เลยว่า นี่คือเรื่องบังเอิญที่เราได้วางแผนมาแล้ว และเป็นประเด็นที่มีการหารือร่วมกันระหว่างพันธมิตรและกลุ่มความร่วมมือ” สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้เปิดเผยการประเมินเมื่อต้นเดือนพ.ค.ว่า เกาหลีเหนืออาจเตรียมการทดสอบยิงอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560 ที่บริเวณพื้นที่ทดสอบพุงกเย-รี (Punggye-ri) อย่างเร็วสุดในช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
“เยลเลน” จ่อถูกสภาคองเกรสซักฟอกหลังประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อผิดพลาด
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ อาจเผชิญกับการไต่สวนจากสภาคองเกรสเกี่ยวกับแนวทางการบริหารเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ หลังจากที่เธอออกมายอมรับความผิดพลาดเกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อ . โดยคาดว่านางเยลเลนอาจจะถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการรับมือปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งการที่เงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ในฐานะรมว.คลังสหรัฐ นางเยลเลนเคยประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อเอาไว้ว่า การพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวตลอดปี 2564 แม้ว่านักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนหนึ่งเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจอยู่ในภาวะร้อนแรงเกินไป และเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นางเยลเลนได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในปี 2560 หลังจากเธอประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง รายงานระบุว่า หลังจากที่นางเยลเลนคาดการณ์เมื่อเดือนธ.ค. 2564 ว่าการพุ่งขึ้นอัตราเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวนั้น ในช่วงต้นปีนี้เธอยังยืนยันกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวว่า แรงกดดันของเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะบรรเทาลงในปี 2565 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสมีแผนที่จะซักฟอกนางเยลเลนเกี่ยวกับการคาดการณ์ที่ผิดพลาดเหล่านี้ รวมทั้งการที่เธอมีบทบาทในการผลักดันร่างกฎหมาย American Rescue Plan มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเหตุให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างมาก
เยนร่วงหนักสุดในรอบ 20 ปี คาด BOJ เข้าแทรกแซงสกัดการทรุดตัว
เงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงเช้า โดยถูกกดดันจากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของญี่ปุ่นและสหรัฐที่ปรับตัวกว้างขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะใช้มาตรการแทรกแซงเพื่อสกัดการร่วงลงของเงินเยน นายทาคูยะ คันดะ กรรมการผู้จัดการบริษัท Gaitame.com Research Institute กล่าวว่า ในบรรดาธนาคารกลางของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว มีเพียง BOJ เท่านั้นที่ไม่ได้ใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ซึ่งส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยเขาคาดว่าเงินเยนจะร่วงลงแตะระดับ 132-133 เยนต่อดอลลาร์ ก่อนที่จะแตะเป้าหมายทางเทคนิคระดับต่อไปที่ 135.15 เยนต่อดอลลาร์ นักลงทุนแห่เทขายเงินเยนอย่างหนักในปีนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนลดการถือครองเงินเยนและหันไปซื้อดอลลาร์ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ขณะที่ BOJ ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน แม้ว่าต้องเผชิญกับการทรุดตัวของเงินเยนก็ตาม