GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 8 ก.ย.64 by YLG

280

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เน้นเก็งกำไรระยะสั้นการเข้าซื้อควรรอราคาอ่อนตัวลงบริเวณแนวรับ 1,792-1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,814-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อ

แนวรับ : 1,789 1,775 1,759  แนวต้าน : 1,824 1,833 1,849

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลงถึง 28.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากทั้งปัจจัยพื้นฐานและแรงขายทางเทคนิค  ทั้งนี้  ปัจจัยพื้นฐานที่กดดันทองคำ  ได้แก่  (1.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1.34% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 14 ก.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย (2.) ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมกับปิดตลาดในวันอังคารด้วยการแข็งค่าขึ้น 0.34% สู่ระดับ 92.525นำโดยการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (3.) ยูโรอ่อนค่า 0.22% เทียบดอลลาร์ แตะระดับ 1.1843 ดอลลาร์ หลัง ZEW เผยดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีร่วงลงในเดือนก.ย. ต่ำกว่าคาดการณ์  และจากแรงขายทำกำไรยูโรก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในสัปดาห์นี้  (4.) ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมากถึง 0.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1.3768 ดอลลาร์  และร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับเงินยูโรนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. หลังนายกฯอังกฤษประกาศแผนขึ้นภาษี  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงจนหลุดโซนเส้นค่าเฉลี่ยหลายระยะ  อาทิ 10, 100, 200 วันอีกทั้งยังหลุดแนวรับจิตวิทยาบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์จนกระตุ้นแรงขายทางเทคนิคเพิ่มเติม  นั่นทำให้ราคาทองคำดิ่งลงทดสอบระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1,792.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings)ของสหรัฐ  ถ้อยแถลงของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์กและนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดดัลลัส  รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book

จจัยทางเทคนิค :

ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,792-1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้น โดยหากยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ การขยับขึ้นจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับแรก แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น โดยอาจใช้บริเวณ 1,792-1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดซื้อ หากหลุดให้ตัดขาfทุนเพื่อควบคุมความเสี่ยง ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,814-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) รัสเซียเผยยังไม่ตัดสินใจรับรองรัฐบาลตาลีบัน เตรียมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดนายดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินแถลงข่าวในวันนี้ว่า ขณะนี้รัสเซียไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการยอมรับรัฐบาลชุดใหม่ที่กลุ่มตาลีบันจัดตั้ง พร้อมยืนยันว่า รัสเซียจะติดตามสถานการณ์ในอัฟกานิสถานต่อไปอย่างใกล้ชิด  นายเพสคอฟกล่าวว่า รัสเซียจะคอยติดตามว่าการกระทำของกลุ่มตาลีบันนั้นสอดคล้องกับแถลงการณ์และคำมั่นสัญญาหรือไม่
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 269.09 จุด วิตกไวรัสเดลตาฉุดเศรษฐกิจดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,100.00 จุด ลดลง 269.09 จุด หรือ -0.76% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,520.03 จุด ลดลง 15.40 จุด หรือ -0.34% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,374.33 จุด เพิ่มขึ้น 10.81 จุด หรือ +0.07%
  • (-) ZEW เผยดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีร่วงลงในเดือนก.ย. ต่ำกว่าคาดการณ์ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 26.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 40.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับตัวลงแตะที่ 30.0  ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและการขาดแคลนชิปจะฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
  • (-) ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก หลังบอนด์ยีลด์พุ่งดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขตของสหรัฐหรือ Beige Book ในวันพุธนี้  ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะที่ 92.5126 เมื่อคืนนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.28 เยน จากระดับ 109.83 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9190 ฟรังก์ จากระดับ 0.9150 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2641 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2534 ดอลลาร์แคนาดายูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1845 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1869 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3787 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3834 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7433 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) นายกฯอังกฤษประกาศแผนขึ้นภาษี หวังนำเงินหนุนระบบบริการสุขภาพ-สวัสดิการสังคมนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศแผนขึ้นภาษีในวันนี้ เพื่อนำเงินหนุนระบบบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคม โดยรัฐบาลอังกฤษต้องการเก็บภาษีบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคมในอัตรา 1.25% ของรายได้จากการทำงานทั่วสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มอัตราภาษีที่เก็บกับเงินปันผลของผู้ถือหุ้นด้วย  แผนภาษีใหม่นี้คาดว่าจะทำให้อังกฤษมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นเกือบ 3.6 หมื่นล้านปอนด์ในอีก 3 ปีข้างหน้า 
  • (+/-) บิตคอยน์ร่วงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังกระแสตอบรับข่าวเอลซัลวาดอร์เริ่มแผ่วราคาบิตคอยน์ร่วงลงอย่างหนักถึง17% แตะระดับ 43,050 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ และปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงเหนือระดับ 52,000 ดอลลาร์ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้เข้าซื้อบิตคอยน์จำนวน 400 เหรียญ ขณะที่รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้ประกาศรับรองบิตคอยน์เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้
  • (+/-) เอลซัลวาดอร์ประกาศรับรองบิตคอยน์เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการแล้วรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ประกาศรับรองบิตคอยน์เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการแล้วเช่นเดียวกับดอลลาร์สหรัฐ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนมองว่าบิตคอยน์จะช่วยลดค่าธรรมเนียมในการส่งเงินกลับประเทศ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่าบิตคอยน์จะกลายเป็นเครื่องมือฟอกเงิน  นายนายิบ บูเคเล ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ ซึ่งสนับสนุนการใช้บิตคอยน์ เปิดเผยว่า นอกจากบิตคอยน์จะช่วยลดค่าธรรมเนียมในการส่งเงินกลับประเทศแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังไม่มีบัญชีธนาคารเข้าถึงบริการทางการเงินได้ด้วย  ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ เคยออกมาเตือนว่า การที่เอลซัลวาดอร์รับรองบิตคอยน์ให้เป็นเงินตราที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในประเทศนั้น อาจทำให้ภาคธนาคารเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น อีกทั้งอาจนำไปสู่การฟอกเงิน และการจัดหาเงินทุนเพื่อการก่อการร้าย 

- Advertisement -

Comments
Loading...