GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 8 ก.ค.65 by YLG

881

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว หากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านด้านบนโซน 1,752-1,773  ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ทยอยขายทำกำไร และปิดสถานะขายหากราคายืนเหนือโซน 1,731-1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,722 1,700 1,676  แนวต้าน : 1,752 1,773 1,797

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการดัชนีดอลลาร์ชะลอการแข็งค่าหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้น 4 วันทำการติดต่อกันพร้อมแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีครั้งใหม่ที่ 107.27 เมื่อวันพุธ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจาก 2 ประเด็น ได้แก่

การเปิดเผยเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมา “แย่เกินคาด” ทั้งตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ “เพิ่มขึ้นเกินคาด” สู่ระดับ 235,000 รายซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. และตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐที่ลดลงน้อยกว่าคาดสู่ระดับ 8.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น ขานรับข่าวการลาออกจากตำแหน่งของนายบอริส จอห์นสัน นายกฯอังกฤษ

- Advertisement -

ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำทดสอบระดับสูงสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,748.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของทองคำยังอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สะท้อนจากความเห็นของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟด และนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดเซนต์หลุยส์ ที่หนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps ในเดือนก.ค. ขณะที่ทั้ง 2 กล่าวตรงกันว่ามี “แนวโน้มเชิงบวก” ที่เฟดจะ Soft landing และความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นดูเหมือนจะ “มากเกินไป” สถานการณ์ดังกล่าวจึงกดดันการปรับขึ้นของราคาทองคำ

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง, อัตราการว่างงานและตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ซึ่งอาจส่งผลต่อการคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต

จจัยทางเทคนิค

หากราคาสามารถรักษาระดับได้ ราคาอาจฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้น ซึ่งหากราคาปรับตัวขึ้นจนทำระดับสูงสุดใหม่จากวันก่อนหน้าได้ มีลุ้นที่ราคาจะดีดขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,752-1,773 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาสลับออกมา และอาจทำให้ราคาปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 1,731-1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน

เปิดสถานะขายหากราคาไม่สามารถผ่านโซน 1,752-1,773 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาผ่าน 1,773 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจทยอยเข้าซื้อคืนแบ่งทำกำไรบางส่วนหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,731-1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดสามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 235,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 230,000 ราย  นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวอยู่สูงกว่าระดับ 230,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน และสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
  • (+) น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $4.2 รับคาดการณ์อุปทานตึงตัว-สต็อกเบนซินร่วง  สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% ในวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) และกลับมายืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว  ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 4.2 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 102.73 ดอลลาร์/บาร์เรล  ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.96 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 104.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • (+) สหรัฐเผยขาดดุลการค้าลดลงสู่ 8.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐลดลง 1.3% สู่ระดับ 8.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.
  • (-) เฟดแอตแลนตาเผยแบบจำลอง GDPNow ชี้ GDP สหรัฐ -1.9% ใน Q2/65  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.9% ในไตรมาส 2/65 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 2.1%  ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน  เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันพรุ่งนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งเป็นข้อมูลเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อเฟด
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 346.87 จุด ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (7 ก.ค) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,384.55 จุด พุ่งขึ้น 346.87 จุด หรือ +1.12%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,902.62 จุด เพิ่มขึ้น 57.54 จุด หรือ +1.50% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,621.35 จุด พุ่งขึ้น 259.49 จุด หรือ +2.28%
  • (-) ปธ.เฟดเซนต์หลุยส์คาดเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว แม้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสู้เงินเฟ้อ  นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงมีการขยายตัวในปีนี้ แม้ว่าเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ  นายบูลลาร์ดกล่าวว่า หากพิจารณาตัวเลขรายได้มวลรวมภายในประเทศ (GDI) พบว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว  “GDI มีความสอดคล้องกับตลาดแรงงานมากกว่า และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง” นายบูลลาร์ดกล่าว
  • (+/-) YouGov ฟันธง “เบน วอลเลซ” รมว.กลาโหมอังกฤษขึ้นแท่นตัวเก็งนายกฯผู้ดี  YouGov ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์ เปิดเผยว่า นายเบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ เป็นตัวเก็งว่าที่หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และว่าที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันนี้  นอกจากนายวอลเลซแล้ว รายชื่อคนอื่นๆที่อาจขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมยังได้แก่ นายริชิ ซูแนค อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ นายซาจิด จาวิด อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข และนางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ
  • (+/-) ปอนด์แข็งค่า ขานรับข่าวนายกฯอังกฤษลาออก  สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่า ขานรับข่าวการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษของนายบอริส จอห์นสัน  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% แตะที่ระดับ 107.1300  เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2010 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1926 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.0163 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0183 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6841 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6791 ดอลลาร์สหรัฐ  ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 136.09 เยน จากระดับ 135.96 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์ ที่ระดับ 0.9746 ฟรังก์ จากระดับ 0.9714 ฟรังก์

- Advertisement -

Comments
Loading...