GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 8 ก.พ.65 by YLG

266

- Advertisement -


โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

หากราคาไม่หลุด 1,810-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์แนะนำเปิดสถานะซื้อ ทั้งนี้ควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคา โดยหากราคาดีดตัวขึ้นจนสร้างระดับสูงสุดใหม่จากวันก่อนหน้าได้สามารถถือสถานะซื้อต่อเพื่อรอทำกำไรบริเวณแนวต้าน1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,806 1,788 1,773  แนวต้าน : 1,834 1,853 1,867

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.30ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าตลาดจะคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ออกมาดีเกินคาด สะท้อนจากFedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 35% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 14% นอกจากนี้ นักลงทุนลดคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค. โดยให้น้ำหนัก 73% ลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนัก 86% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้เคลื่อนไหวเหนือ1.9% ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนม.ค.ที่กำลังจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ อาจพุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.1982 หรือในรอบ 40 ปี สถานการณ์ดังกล่าวผลักดันให้ราคาทองคำผ่านระดับสูงสุดเดิมจนกระตุ้นแรงซื้อตามเพิ่มเติม นั่นทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อทดสอบระดับสูงสุดที่ 1,823.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB, ดุลการค้าเดือนธ.ค.และการสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก IBD/TIPP

จจัยทางเทคนิค :

เมื่อราคาขยับขึ้นก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาไม่มากโดยราคายังคงมีการแกว่งตัวในระดับสูง แต่ระยะสั้นหากราคาพยายามเคลื่อนไหวเหนือแนวรับโซน1,810-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้ให้ราคาจะอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

หากสามารถยืนเหนือ 1,810-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดสถานะซื้อ โดยตัดขาดทุนหากหลุดระดับ 1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการขายทำกำไรอาจพิจารณาดูบริเวณ 1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือหากรับความเสี่ยงได้สูง อาจพิจารณาเปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรระยะสั้นหากราคาไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าว

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลล์อ่อนเล็กน้อย ตลาดจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (7 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.04% สู่ระดับ 95.40 เมื่อคืนนี้
  • (+) รัสเซียไม่คาดหวังผลเจรจา “ปูติน-มาครง” ช่วยคลายวิกฤตยูเครน  นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียไม่คาดหวังว่าจะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับประเด็นยูเครนจากการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ในวันนี้  “ขณะนี้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากเกินกว่าที่จะคาดหวังว่าจะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญเกิดขึ้นจากการประชุมเพียงครั้งเดียว” นายเพสคอฟกล่าว และเสริมว่า เขาคาดหวังว่าปธน.มาครงจะเสนอแนวทางที่จะช่วยคลายความตึงเครียดในประเด็นยูเครน  นอกจากนี้ นายเพสคอฟกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการกล่าวถึงการลดความตึงเครียดในยูเครน ในขณะที่ตะวันตกยังคงกระพือข่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความหวาดกลัวเกี่ยวกับการที่รัสเซียเตรียมโจมตียูเครน
  • (+) จนท.สหรัฐฯ มุ่งหน้ายุโรปประสานงานเตรียมมาตรการลงโทษรัสเซีย  คณะผู้แทนซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเดินทางไปยังยุโรปในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการประสานความร่วมมือการดำเนินมาตรการลงโทษต่อรัสเซียและมาตรการควบคุมการส่งออกที่สหรัฐฯ และรัฐบาลพันธมิตรพิจารณาเตรียมใช้งาน หากกรุงมอสโกส่งกองทัพบุกเข้ายูเครนจริง ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์  แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ รายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ว่า คณะผู้แทนที่มีตัวแทนมาจากกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และเยอรมนี เพื่อประชุมกับตัวแทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังสหรัฐฯ เตรียมมาตรการลงโทษรัสเซียเอาไว้ในกรณีที่สถานการณ์ในยุโรปตะวันออกยกระดับบานปลายขึ้นมา  นอกเหนือจากแผนหารือว่าจะมีการดำเนินมาตรการใด ในกรณีที่รัสเซียสั่งบุกยูเครนจริง เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังมีแผนจะปรึกษารายละเอียดการใช้งานมาตรการดังกล่าว ซึ่งรวมถึง การตัดสินใจว่าหน่วยงานใดของประเทศใดจะเป็นผู้ดูแลและการชี้ชัดว่า ประเทศใดต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติเพื่อผ่านกฎหมายใหม่ออกมาหรือไม่
  • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะลุ 1.93% เก็งเฟดขึ้นดบ.เร็วและแรง  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะลุระดับ 1.93% ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ รวมทั้งอาจเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปีในสัปดาห์นี้  ณ เวลา 21.59 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.934%
  • (-) นักลงทุนคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เดือนหน้า เก็งเงินเฟ้อพุ่ง,จ้างงานแกร่ง  นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุด 40 ปีในสัปดาห์นี้ หลังจากที่เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาเชื่อว่าเฟดยังคงสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ย “ได้อีกมาก” โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน  FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 35% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 14%  นอกจากนี้ นักลงทุนลดคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค. โดยให้น้ำหนัก 73% ลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนัก 86%
  • (+/-) นักวิเคราะห์คาดสหรัฐเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุด 40 ปีในเดือนม.ค.  นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันที่ 10 ก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวจะแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี  กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนม.ค.ในวันพฤหัสบดี  นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย ตลาดจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (7 ก.พ.) ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนตลอดทั้งวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,091.13 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด หรือ +0.004%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,483.87 จุด ลดลง 16.66 จุด หรือ -0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,015.67 จุด ลดลง 82.34 จุด หรือ -0.58%

- Advertisement -

Comments
Loading...