GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 7 ก.พ.65 by YLG

333

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เก็งกำไรระยะสั้นฝั่งซื้อโดยมีแนวรับบริเวณ 1,800-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,815-1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อเพื่อรอทำกำไรที่โซนแนวต้าน 1,834 ดอลลาร์ต่อ

แนวรับ : 1,795 1,780 1,764  แนวต้าน : 1,820 1,834 1,853

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.40ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำร่วงลงในทันทีที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่งอย่างมาก สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานยืดหยุ่น และยังคงรักษาการขยายตัวไว้ได้ถึงแม้ว่าสหรัฐจะเผชิญกับการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนก็ตาม นอกจากนี้ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานได้เพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 เมื่อเทียบรายปีซึ่งจะปูทางให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เดินหน้าเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ Fed funds futures บ่งชี้การคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 5 ครั้งในปีนี้ หรือ ประมาณ 134.4 bps ขณะที่โอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากระดับเพียง 18% ในช่วงก่อนการเปิดเผยข้อมูลในตลาดแรงงาน การคาดการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือ1.9% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2019 นั่นทำให้ราคาทองคำทองดิ่งลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,791 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะมีแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกเข้ามาพยุงราคาไว้ให้กลับมาปิดตลาดเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -3.24 ตัน สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบอาจเกิดการฟื้นตัวขึ้นในระยะสั้น หากราคายืนเหนือแนวรับ 1,800-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรส่งผลให้ราคาดีดกลับช่วงสั้นๆ เบื้องต้นอาจต้องระวังแรงขายกลับลงมาอีกครั้งหากราคายังไม่มีแรงซื้อมากพอหรือมีปัจจัยใหม่มาดันราคาขึ้น โดยประเมินแนวต้านที่ 1,815-1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

รอเปิดสถานะซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้น โดยใช้บริเวณ 1,800-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุด 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ตัดขาดทุนและชะลอการเข้าซื้อออกไป ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะซื้อทำกำไรหากไม่ผ่านแนวต้าน 1,815-1,820ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัวลง

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) รัสเซียโต้สหรัฐ หลังถูกแฉเตรียมทำคลิปวิดีโอจัดฉากถูกยูเครนโจมตี  นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐที่ว่ารัสเซียมีแผนที่จะทำคลิปวิดีโอปลอมเพื่อสร้างความชอบธรรมในการโจมตียูเครน  นายลาฟรอฟกล่าวว่า ข้อกล่าวหาของสหรัฐดังกล่าวเป็นเรื่องที่ “ไร้สาระ”
  • (+) สหรัฐแฉรัสเซียเตรียมทำคลิปวิดีโอปลอมหาเหตุโจมตียูเครน  กระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐได้รับข้อมูลว่ารัสเซียกำลังมีแผนที่จะทำคลิปวิดีโอปลอมเพื่อสร้างความชอบธรรมในการโจมตียูเครน  เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า รัสเซียเตรียมจัดฉากถ่ายทำวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าทหารยูเครนได้เข้าโจมตีรัสเซีย โดยมีการทำร้ายชาวรัสเซีย ซึ่งจะมีการแสดงศพผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมีตัวละครซึ่งจะรับบทเป็นผู้ที่กำลังคร่ำครวญเสียใจต่อผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งแสดงภาพสถานที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากการโจมตีของกองทัพยูเครน
  • (-) นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เดือนหน้า หลังเผยจ้างงานแกร่ง  นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งในวันนี้  FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 27% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 14%  นอกจากนี้ นักลงทุนลดคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค. โดยให้น้ำหนัก 73% ลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนัก 86%
  • (-) สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งเกินคาดในเดือนม.ค.  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง  ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%  กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 647,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 249,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 510,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่ง  ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5%
  • (-) บิตคอยน์พุ่ง 10% ทะลุ 40,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์  บิตคอยน์พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 เดือนในวันศุกร์ (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนส่งสัญญาณกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงครั้งใหม่ หลังจากที่ตลาดการเงินต่าง ๆ ปรับตัวผันผวนในสัปดาห์นี้ และกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด  สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บิตคอยน์พุ่งขึ้นมากถึง 9.4% สู่ระดับ 40,426 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2564 และเป็นการปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 สัปดาห์
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับข้อมูลจ้างงานสหรัฐเพิ่มเกินคาด  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (4 ก.พ.) ขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินปิดตลาดวันศุกร์เพิ่มขึ้น 0.10% แตะที่ 95.48  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 115.19 เยน จากระดับ 114.995 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9249 ฟรังก์ จากระดับ 0.9200 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2746 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2677 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1457 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1439 ดอลลาร์, ปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.3534 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3599 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7080 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7140 ดอลลาร์
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดลบ 21.42 จุด, หุ้นเทคโนฯ พุ่งหนุน Nasdaq บวกกว่า 200 จุด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (4 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้นมายืนปิดตลาดในแดนบวกได้โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแอมะซอน และนักลงทุนได้ปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนม.ค. ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,089.74 จุด ลดลง 21.42 จุด หรือ -0.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,500.53 จุด เพิ่มขึ้น 23.09 จุด หรือ +0.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,098.01 จุด เพิ่มขึ้น 219.19 จุด หรือ +1.58%

- Advertisement -

Comments
Loading...