GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ส.ค.65 by YLG

445

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

หากราคาทองคำยังคงยืนเหนือแนวรับโซน 1,759-1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,780-1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าสามารถปรับขึ้นไปยืนได้อาจเกิดแรงซื้อทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดโซน 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,754 1,735 1,721  แนวต้าน : 1,788 1,803 1,821

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะ ร่วงลงโดยได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมา “ดีเกินคาด” ทั้งดัชนีภาคบริการของสหรัฐจาก ISM ที่ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.7 ในเดือนก.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 53.5 และคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนมิ.ย.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.1% ตัวเลขดังกล่าวกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป

ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวถูกตอกย้ำด้วยถ้อยแถลงในเชิง Hawkish ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย อาทิ นายนีล คัชคารี ประธานเฟดมินนิอาโปลิส ที่กล่าวเมื่อวันพุธว่า ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากกว่า คือ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไป จากนั้นเฟดจะ “คง” ดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับลงมาที่ 2%

- Advertisement -

ขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดเซนต์หลุยส์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อนำอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายเฟด ปัจจัยที่กล่าวมาแม้จะกดดันให้ทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,754.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำกลับฟื้นตัวในเวลาต่อมาจากแรงซื้อ Buy the dip

นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ลดช่วงบวกลง หลังนางแมรี เดลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก กล่าวเมื่อวันพุธว่า ‘สมเหตุสมผล’ ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bpsในเดือนหน้าหากเศรษฐกิจมีพัฒนาการตามที่คาดไว้ ปัจจัยนี้เองช่วยหนุนให้ทองคำฟื้นตัวปิดตลาดในแดนบวก ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.32 ตัน สำหรับวันนี้จับตาผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี) และการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค

วานนี้ราคาอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับที่ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสามารถทรงตัวเหนือแนวรับระดับดังกล่าวได้ทำให้เกิดแรงซื้อดันขึ้น โดยราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของเดือนส.ค.) อย่างไรก็ตาม หากราคาผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไปโซน 1,800-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน

แนะนำเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,759-1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตสถานะซื้อหากราคาหลุด 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เมื่อราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,788-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) รัสเซียย้ำ “เพโลซี” เยือนไต้หวันเป็นการยั่วยุจีน  นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ความตึงเครียดที่เกิดจากการยั่วยุของสหรัฐหลังการเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ไม่ควรถูกประเมินต่ำเกินไป
  • (-) ดอลล์แข็งค่า รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (3 ส.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคบริการที่ดีดตัวขึ้นในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.25% แตะที่ระดับ 106.5030  ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 134.11 เยน จากระดับ 132.97 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9623 ฟรังก์ จากระดับ 0.9570 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2842 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2855 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0157 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0175 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2145 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2168 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6947 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6925 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 416.33 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลศก.สดใส  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพุธ (3 ส.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคบริการที่ดีดตัวขึ้นในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,812.50 จุด พุ่งขึ้น 416.33 จุด หรือ +1.29%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,155.17 จุด เพิ่มขึ้น 63.98 จุด หรือ +1.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,668.16 จุด เพิ่มขึ้น 319.40 จุด หรือ +2.59%
  • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐดีดตัว ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจแข็งแกร่ง  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง  ณ เวลา 23.52 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.779% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.01%
  • (-) สหรัฐเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานสูงกว่าคาดในเดือนมิ.ย.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.8% ในเดือนพ.ค.  เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานทะยานขึ้น 13.5% ในเดือนมิ.ย.
  • (-) ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐหดตัวในเดือนก.ค.  เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือนก.ค. จากระดับ 52.7 ในเดือนมิ.ย. แต่ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 47.0
  • (-) น้ำมัน WTI ปิดร่วง $3.76 กังวลสต็อกน้ำมันสหรัฐพุ่ง  สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 4% ในวันพุธ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อย

- Advertisement -

Comments
Loading...