GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ก.พ.65 by YLG

311

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

พิจารณาโซน 1,810-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในการเปิดสถานะขายควรแบ่งปิดสถานะทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อราคาปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับโซน 1,793-1,788ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งควรจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น

แนวรับ : 1,788 1,771 1,753  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 1.56ดอลลาร์ต่อออนซ์ วานนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนหลังผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) และธนาคารกลางยุโรป(ECB)เนื่องจากผลการประชุมส่งผลต่อทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดเงิน ซึ่งกระทบต่อทองคำทั้งทางบวกและทางลบ ดังนี้BoEมีมติ 5-4 “ขึ้น” ดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.5% ตามคาด ขณะที่ ECBมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ตามคาดแต่นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ได้กล่าวยอมรับว่า เงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น และเมื่อถูกถามว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ยังคง “ไม่น่าเป็นไปได้(Very Unlikely)” ดังเช่นที่เคยระบุหรือไม่ นางลาการ์ดเลี่ยงที่จะกล่าวย้ำความคิดเห็นในอดีต และกล่าวว่า ECB จะประเมินเงื่อนไขอย่างรอบคอบและการตัดสินใจ “ขึ้นอยู่กับข้อมูล” ทำให้ตลาดตีความว่าเป็นการเปลี่ยนจุดยืนไปในเชิง Hawkish เพื่อเปิดทางสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตผลจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นในอังกฤษและยูโรโซน ส่งผลหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี, เยอรมนี, อังกฤษ และสหรัฐให้พุ่งขึ้นจนเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยทำให้ทองคำร่วงหลุด 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์และทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,788.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์อย่างไรก็ดี แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้เงินปอนด์และเงินยูโรแข็งค่าขึ้นซึ่งกดดันดัชนีดอลลาร์ ให้อ่อนค่าลงในรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่พ.ค. 2021 จนเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวมาปิดตลาดเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.75 ตัน สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน, และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงาน

จจัยทางเทคนิค :

แม้ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นหลังจากทิ้งตัวลงแรง แต่ระยะสั้นหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,810-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจจะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาลงมาเพื่อสะสมแรงซื้อในโซน 1,793-1,788ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้ราคาอาจอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปโซน1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

ราคาทองคำมีจุดเปิดสถานะขายระยะสั้นในบริเวณ 1,810-1,815ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืน 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) แต่หากราคาปรับตัวลงไปก่อนให้พิจารณาแนวรับบริเวณ 1,793-1,788ดอลลาร์ต่อออนซ์ซื้อคืนเพื่อแบ่งปิดสถานะขายทำกำไรหากหลุดสามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานลดลงมากกว่าคาดในเดือนธ.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.4% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.8% ในเดือนพ.ย.
  • (+) นาโตเผยรัสเซียเคลื่อนกำลังพล 3 หมื่นนายพร้อมอาวุธไปยังเบลารุส  สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียสั่งเคลื่อนกำลังพลราว 30,000 นาย พร้อมอาวุธสมัยใหม่เข้าสู่เบลารุสในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนับเป็นการเคลื่อนกำลังทหารมากที่สุดไปยังประเทศดังกล่าวหลังสิ้นสุดสงครามเย็น
  • (+) ดอลล์อ่อนค่า นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.59% แตะที่ 95.35 เมื่อคืนนี้
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 518.17 จุด, Nasdaq ดิ่งกว่า 3.7% ผิดหวังผลประกอบการเฟซบุ๊ก  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 3.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2563 หลังจากบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กทรุดตัวลงกว่า 26% และฉุดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียรายอื่น ๆ ดิ่งลงด้วย  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,111.16 จุด ลดลง 518.17 จุด หรือ -1.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,477.44 จุด ลดลง 111.94 จุด หรือ -2.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,878.82 จุด ลดลง 538.73 จุด หรือ -3.74%
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 238,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 245,000 ราย และต่ำกว่าตัวเลขที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 261,000 ราย
  • (-) ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐร่วงต่ำสุดรอบ 11 เดือนในม.ค.  สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 59.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.5 หลังจากแตะระดับ 62.3 ในเดือนธ.ค.
  • (-) ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐต่ำสุดรอบ 18 เดือนในม.ค.  ไอเอชเอส มาร์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 57.6 ในเดือนธ.ค.
  • (+/-) ECB มีมติคงดอกเบี้ยตามคาด แม้เงินเฟ้อพุ่งนิวไฮ  ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวเหนือเป้าหมาย 2% ของ ECB  ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%  ขณะเดียวกัน ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโรในเดือนมี.ค.
  • (+/-) ECB ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย หลังยอมรับเงินเฟ้อพุ่งมากกว่าคาด  นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการแถลงข่าวหลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของ ECB ในวันนี้  ทั้งนี้ นางลาการ์ดกล่าวยอมรับว่า เงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงของแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะในระยะใกล้ ขณะที่การขยายตัวของราคาในยูโรโซนเริ่มอยู่ในวงกว้างมากขึ้น  “ขณะนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว” นางลาการ์ดกล่าว  ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า ECB ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ใช่หรือไม่ นางลาการ์ดกล่าวว่า ECB จะทำการประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวัง และการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ ECB ได้รับ  ท่าทีของนางลาการ์ดในวันนี้ถือว่าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ซึ่งได้เคยส่งสัญญาณว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • (+/-) BoE ประกาศขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.50% ในการประชุมวันนี้ตามคาด  ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมวันนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้  การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547  นอกจากนี้ BoE ยังคาดการณ์ในวันนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษจะแตะระดับสูงสุดที่ 7.25% ในเดือนเม.ย.  ขณะเดียวกัน BoE มีมติเอกฉันท์ให้ลดขนาดงบดุลจากวงเงิน 8.95 แสนล้านปอนด์ โดยจะปล่อยให้พันธบัตรที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หมดอายุลงโดยไม่มีการนำรายได้ดังกล่าวมาลงทุนซื้อพันธบัตรใหม่

- Advertisement -

Comments
Loading...