บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 31 ม.ค.65 by HGF

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำปรับตัวลงระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์

สัปดาห์นี้ตลาดการเงินจีนปิดทำการเนื่องด้วยเทศกาลตรุษจีน

ราคาทองคำ Spot มีทิศทางเป็นขาลง

• ราคาทองคำ Spot สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงแรงในระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์  โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่ามากสุดในรอบ 18 เดือนกว่า ๆ หลังจากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25%  ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ซื้อทองคำสุทธิ 5.81 ตันจากสัปดาห์ก่อน
• สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนม.ค. ของ ADP .ในคืนวันพุธ และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ในคืนวันศุกร์ นอกจากนี้  ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรปและการแถลงของธนาคารกลางยุโรป ขณะที่ในสัปดาห์นี้ตลาดการเงินจีนปิดทำการ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ปริมาณการซื้อขายทองคำเบาบางลง
• สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำมีทิศทางไม่ค่อยสดใส หลังจากหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,800 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ทำให้คาดว่าราคาทองคำ Spot มีทิศทางเป็นขาลง  อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้อาจมีปริมาณการซื้อขายทองคำที่เบาบางลง เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีนของประเทศจีน ส่งผลให้ราคาทองคำระยะสั้นอาจเคลื่อนไหว Sideways  โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,780 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,770 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,810 ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

ราคาทองแท่ง 96.5%

โกลด์ฟิวเจอร์ส

แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณราคาทอง Spot ที่ 1,810 ดอลลาร์ (GF 28,630 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,820ดอลลาร์ (GF 28,720 บาท)

- Advertisement -

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณราคา GOH22 ที่ 1,812 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,822 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมากลับมาอ่อนค่า โดยอ่อนค่าถึง 1.39% จากสัปดาห์ก่อน  เนื่องสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า จากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้นคาดอ่อนค่าได้ต่อ สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 33.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.70 บาท/ดอลลาร์

News

“ไบเดน” ขานรับ GDP Q4/64 แข็งแกร่ง ชี้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังบรรลุผล

          ประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกแถลงการณ์แสดงความยินดีต่อการที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/64 ขณะที่ระบุว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของเขากำลังบรรลุผล   นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผ่านร่างกฎหมายที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันของสหรัฐ   “ผมขอเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผ่านร่างกฎหมายที่จะทำให้สหรัฐสามารถแข่งขันได้มากขึ้น พร้อมกับแก้ปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน และเพิ่มความแข็งแกร่งแก่ภาคการผลิตและนวัตกรรม, เพิ่มการลงทุนในพลังงานสะอาด และลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน” แถลงการณ์ระบุ    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/64 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.5%   ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการที่ภาคธุรกิจเพิ่มเติมสต็อกสินค้าคงคลัง    ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจกิจสหรัฐเติบโต 6.3% ในไตรมาส 1 และ 6.7% ในไตรมาส 2 ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ 2.3% ในไตรมาส 3 เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคการผลิต ซึ่งกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ยอดขา

 เมื่อพิจารณาทั้งปี 2564 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 5.7% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากที่หดตัว 3.4% ในปี 2563 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2489 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

“คามาลา แฮร์ริส” เผยคุยรองปธน.ไต้หวันไม่มีหัวข้อเกี่ยวกับจีน

          นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า เธอได้พูดคุยกับนายไล ชิง-เท รองประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อวันพฤหัสบดี (27 ม.ค.) ที่ประเทศฮอนดูรัส หลังจากรองปธน.ทั้งสองเดินทางไปเข้าร่วมพิธีเข้ารับตำแหน่งปธน.คนใหม่ของฮอนดูรัส  นางแฮร์ริสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า บทสนทนากับนายไลเป็นการ “พูดคุยกันสั้น ๆ” เกี่ยวกับ “ผลประโยชน์ร่วมกัน” ในอเมริกากลาง โดยไม่ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับจีนแต่อย่างใด   อย่างไรก็ดี การพบกันดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับจีนซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน นอกจากนี้ จีนยังมีความระวังเป็นพิเศษต่อท่าทีใด ๆ ของสหรัฐที่ดูเหมือนเป็นการติดต่อกับไต้หวันอย่างเป็นทางการ    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐที่กล่าวสรุปให้ผู้สื่อข่าวในวันพุธก่อนนางแฮร์ริสจะเดินทางไปฮอนดูรัสเปิดเผยว่า ไม่มีแผนการประชุมร่วมกันระหว่างรองปธน.สหรัฐและไต้หวัน  จีนและไต้หวันปกครองแยกกันนับตั้งแต่แยกตัวในปี 2492 จากผลของสงครามกลางเมือง และความสัมพันธ์ก็ย่ำแย่ลงนับตั้งแต่นางไช่ อิงเหวิน ซึ่งมีท่าทีสนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันในปี 2559   ทั้งนี้ สหรัฐเปลี่ยนท่าทีทางการทูตจากยอมรับไต้หวันเป็นจีนในปี 2522 แต่ยังคงความสัมพันธ์กับไต้หวันไว้แม้ว่าจะไม่เป็นทางการ และช่วยเหลือไต้หวันในการรักษาความสามารถในการป้องกันตัวเองผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การขายอาวุธ

เกาหลีเหนือยืนยันทดสอบยิงขีปนาวุธร่อน อ้างยิงได้ไกลถึง 1,800 กม.

           สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธร่อน (Cruise Missile) จำนวน 2 ลูก ซึ่งสามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปถึง 1,800 กิโลเมตร โดยรายงานดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของเกาหลีเหนือในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์     KCNA ยังระบุว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธนำวิถี 2 ลูกเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) ขณะที่หลายฝ่ายคาดว่ามีเป้าหมายที่ต้องการให้สหรัฐกลับมาเจรจาเกี่ยวกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำของเกาหลีเหนือ   สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า KCNA อ้างว่า ขีปนาวุธร่อนจำนวน 2 ลูกที่เกาหลีเหนือยิงนั้น สามารถเคลื่อนตัวในอากาศนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะยิงถูกเป้าหมายซึ่งเป็นเกาะแห่งหนึ่งในทะเลญี่ปุ่น ทั้งนี้ หากขีปนาวุธสามารถเคลื่อนที่ได้ไกลตามที่เกาหลีเหนือกล่าวอ้าง ขีปนาวุธเหล่านี้สามารถตกในญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงของสหรัฐ