บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 31 ม.ค.65 by YLG

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,809-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเปิดสถานะขาย โดยตัดขาดทุนหากผ่านแนวต้านในโซน 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรอาจพิจารณาบริเวณ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้ให้ชะลอการเข้าซื้อคืนออกไป

แนวรับ : 1,780 1,766 1,753  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

ปัจจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลง 2.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังคงได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อหลังการเปิดเผยดัชนี Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญพุ่งขึ้น 4.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.1983 ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ระดับโลกต่างก็ออกมาปรับ “เพิ่ม” คาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ อาทิ Goldman Sachs ที่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5 ครั้งในปีนี้ และจะประกาศเริ่มต้นการลดงบดุลในเดือนมิ.ย. ส่วนนักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America Corp. คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% รวม 7 ครั้งในปีนี้ ประกอบกับนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดแอตแลนตากล่าวกับ Financial Times ว่า เฟดอาจเลือกที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% หากจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แม้เขายังคงคาดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค.จะเป็นสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็ตามซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้ปิดแข็งค่า 0.04% ในวันศุกร์ พร้อมพุ่งเหนือ 97 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2020 และปิดเพิ่มขึ้น 1.7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในรายสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปี 2021 จนเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงถึง -2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งยังทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 1,780.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนที่จะมีแรงซื้อ Buy the Dip เข้ามาพยุงเอาไวในช่วงปลายตลาด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI เขตชิคาโก และถ้อยแถลงของนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดแคนซัส ซิตี้

ปัจจัยทางเทคนิค :

ราคาขยับขึ้นแต่ก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ขณะที่ความผันผวนของราคาลดลงจากช่วงก่อนหน้า ซึ่งหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,809-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีผลให้ราคาอาจปรับตัวลงมาเพื่อสร้างฐานราคา มีโอกาสเกิดแรงขายกลับลงมา โดยมีแนวรับในโซน 1,780-1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเปิดสถานะขายเพื่อกำไรระยะสั้นเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,809-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง ตัดขาดทุนหากราคาผ่านโซนบริเวณ 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทำกำไรโดยเข้าซื้อคืนหากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,780ดอลลาร์ต่อออนซ์หากหลุดสามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

• (+) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำกว่าคาดในเดือนม.ค.ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 67.2 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2554 จากระดับ 70.6 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 68.5
• (+) ผู้นำอังกฤษเล็งเสริมกำลังทหารในยุโรปตะวันออก หวังส่งสัญญาณเตือนรัสเซียสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษกำลังพิจารณาเสนอเพิ่มกำลังทหารเป็นสองเท่าตัวในยุโรปตะวันออก ขณะที่เหล่ารัฐมนตรีต่างเร่งหาหนทางเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่ทวีความร้อนแรงขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน 
• (+) เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธไม่ทราบชนิดลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกเช้านี้คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธที่ยังไม่ทราบชนิดอย่างน้อย 1 ลูกลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งถือเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 7 ในเดือนนี้   ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยข้อมูลของ JCS ว่า ขีปนาวุธลูกดังกล่าวมีแนวโน้มจะเป็นขีปนาวุธทิ้งตัว (Ballistic Missile) จำนวน 1 ลูก โดยถูกยิงจากจังหวัดชากัง ของเกาหลีเหนือ ลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกในเวลา 5.52 น. ของวันนี้ตามเวลาในไทย  ขณะที่ รัฐบาลญี่ปุ่นระบุเช่นกันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลูกหนึ่ง “ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นขีปนาวุธทิ้งตัว”
• (+) ไบเดนเล็งส่งทหารสหรัฐไปยุโรปตะวันออก รับมือสถานการณ์ยูเครนตึงเครียดสำนักข่าวอนาโดลูรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐได้เปิดเผยในวันศุกร์ (28 ม.ค.) ว่า เขาจะส่งทหารอเมริกันไปยังยุโรปตะวันออกและประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้สั่งการให้ทหารหลายพันนายเตรียมความพร้อมในระดับสูงท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน 
• (-) ดอลล์แข็งค่า รับคาดการณ์เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (28 ม.ค.) โดยดอลลาร์ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วขึ้นเพื่อสกัดกั้นอัตราเงินเฟ้อ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% แตะที่ 97.2830 เมื่อคืนนี้   ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2784 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2734  ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.24 เยน จากระดับ 115.31 เยน และดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9312 ฟรังก์  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1142 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1146 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าแตะที่ระดับ 1.3383 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3381 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6982 ดอลลาร์สหรัฐ
• (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 564.69 จุด แรงซื้อหุ้นเทคโนฯหนุนตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (28 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,725.47 จุด เพิ่มขึ้น 564.69 จุด หรือ +1.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,431.85 จุด พุ่งขึ้น 105.34 จุด หรือ +2.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,770.57 จุด ทะยานขึ้น 417.79 จุด หรือ +3.13%
• (-) นักลงทุนคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งปีนี้สกัดเงินเฟ้อFedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 33% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 5 ครั้งในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 22%   การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 1.50% ในเดือนธ.ค. จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.00-0.25%  นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค.
• (-) “โกลด์แมนแซคส์” คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ หวังสกัดเงินเฟ้อโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในปี 2565 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง โดยมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค. 
• (+/-) สหรัฐเผยเงินเฟ้อพุ่ง 4.9% ในเดือนธ.ค. สูงสุดรอบเกือบ 40 ปีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 4.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2526