GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 31 ต.ค.65 by YLG

411

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เน้นเก็งกำไรซื้อขายระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบ หากตลอดวันราคาทองคำยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านบริเวณ 1,653-1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้ระมัดระวัง ราคามีโอกาสที่จะปรับย่อลงมาบริเวณแนวรับ 1,633-1,614 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,633 1,614 1,600  แนวต้าน : 1,657 1,674 1,791

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำในวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 17.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินเยนร่วงลงมากกว่า 1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) คงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraeasy Monetary Policy) สวนทางกับธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลก ซึ่งการอ่อนค่าของเยนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่หนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าในวันศุกร์จนสร้างแรงกดดันให้แก่ราคาทองคำ ประกอบกับเกิดแรงขายทางเทคนิคในตลาดทองคำ หลังจากราคาทองคำหลุดกรอบล่างของ Rising Wedge

นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะยังคงเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลในสหรัฐซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% พร้อม “ปรับเพิ่ม” ตัวเลขในเดือนส.ค. ให้สูงขึ้นเป็น 0.6% จากเดิมที่ 0.4% ในรายงานก่อนหน้านี้ ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี แม้จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.2% แต่ยังคงบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

- Advertisement -

ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดต่อไป และการคาดการณ์ดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่า ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีฟื้นตัวขึ้นมายืนเหนือ 4% จนกดดันทองคำให้ร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,638.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.61 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI เขตชิคาโก

จจัยทางเทคนิค

ราคาลดระดับสูงสุดในรายวันลง แสดงให้เห็นถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้น หากวันนี้ ราคาทดสอบโซนแนวต้านบริเวณ 1,653-1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่สามารถผ่านได้ ระยะสั้นมีแรงขายดันให้ราคาอ่อนตัวลง หากไม่หลุดแนวรับโซน 1,633-1,614 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคามีโอกาสดีดตัวขึ้นช่วงสั้นอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นการเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว แนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้นในโซน 1,653-1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ฝั่งขายตัดขาดทุนหากราคาผ่าน 1,674 ดอลลาร์ต่อออนซ์) รอปิดสถานะขายทำกำไรเมื่อราคาอ่อนลงหรือไม่หลุดบริเวณแนวรับโซน 1,633-1,614 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายทรุดหนักในเดือนก.ย. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ดิ่งลง 10.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2553 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะลดลงเพียง 4%
  • (-) โกลด์แมน แซคส์ คาดเฟดขึ้นดบ.แตะ 5% มี.ค.ปีหน้า เหตุเงินเฟ้อสูงน่ากังวล สำนักข่าวบลูมเบิร์กและรอยเตอร์รายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5% ในเดือนมีนาคมปีหน้า เพิ่มขึ้น 0.25% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้   นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ จากนั้นอีก 0.50% ในการประชุมเดือนธันวาคม ต่อด้วย 0.25% ในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ และ 0.25% ในการประชุมเดือนมีนาคม ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 5% นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ให้เหตุผลที่ทำให้คาดการณ์เช่นนี้ว่าเป็นเพราะเงินเฟ้อที่สูงจนน่ากังวล และต้องการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจเมื่อการกวดขันทางการเงินสิ้นสุดลงและรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็พยายามเลี่ยงไม่ให้สภาวะทางการเงินผ่อนคลายก่อนถึงเวลาสมควร
  • (-) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ผู้บริโภคเพิ่มความเชื่อมั่นในเดือนต.ค. ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.9 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 59.8 หลังจากแตะระดับ 58.6 ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันดีดตัวสู่ระดับ 65.6 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าร่วงลงสู่ระดับ 56.2
  • (-) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 828.52 จุด รับความหวังเฟดชะลออัตราขึ้นดอกเบี้ย ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 800 จุดในวันศุกร์ (28 ต.ค.) ขานรับการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,861.80 จุด เพิ่มขึ้น 828.52 จุด หรือ +2.59%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,901.06 จุด เพิ่มขึ้น 93.76 จุด หรือ +2.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,102.45 จุด เพิ่มขึ้น 309.78 จุด หรือ +2.87%
  • (+/-) สหรัฐเผยดัชนี PCE พื้นฐาน +0.5% เดือนก.ย. สอดคล้องคาดการณ์ สำนักงานสถิติกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 6.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 6.2% เช่นกันในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.3% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนส.ค.   ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.2% แต่สูงกว่าระดับ 4.9% ในเดือนส.ค.   เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค

- Advertisement -

Comments
Loading...