เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด
- Advertisement -
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ
เน้นเก็งกำไรระยะสั้น ยังมีลุ้นที่ราคาอาจขึ้นไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,832-1,837 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้แนะนำเปิดสถานะขาย เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,812-1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดให้ทยอยปิดสถานะขายทำ
แนวรับ : 1,804 1,786 1,769 แนวต้าน : 1,837 1,857 1,897
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 2.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนทั้งปรับตัวลงแรงและทะยานขึ้นแรง ทั้งนี้ ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาก่อนจนกระทั่งทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,812.34 ดอลลาร์ต่ออนซ์ ก่อนที่จะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามากหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2022 โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัว 1.5% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ที่ 1.4% และ 1.5% ตามลำดับ
สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,832.64 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะทิ้งตัวลงแรงโดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.59% ขานรับถ้อยแถลงในเชิง Hawkish ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาทิ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดที่กล่าวในระหว่างการประชุม ECB Forum
เมื่อคืนนี้ว่า เฟดมีความมุ่งมั่นในการสกัดเงินเฟ้อ แม้การคุมเข้มทางการเงินจะชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจแต่ก็จะไม่สร้างความเสี่ยงที่รุนแรง ขณะที่นางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์กล่าวสอดคล้องกันว่า เฟดจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ ปัจจัยที่ว่านี้ฉุดให้ทองคำดิ่งลงแรงจนกลับมาปิดตลาดในแดนลบ
ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -3.77 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก
ปัจจัยทางเทคนิค
- Advertisement -
อาจเห็นแรงซื้อดันราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้น แต่ยังคงต้องระวังแรงขายเข้ามากดดันราคาให้อ่อนตัวลงอีกครั้ง ทั้งนี้ หากการดีดตัวของราคายังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านระดับ 1,832-1,837 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หรือ หากราคาทำระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า ราคาจะกลับมาเคลื่อนไหวของในแบบของการแกว่งตัวอ่อนตัวลง อาจทำให้เกิดแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงสู่ระดับ 1,804-1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะเปิดสถานะขาย หากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านโซนแนวต้าน 1,832-1,837 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดสถานะขายลง หากราคาผ่านแนวต้านโซน 1,857 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ อาจทยอยแบ่งปิดสถานะขาย หากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับโซนที่ 1,812-1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน
• (+) บิตคอยน์ร่วงใกล้หลุด 700,000 บาท ขณะกองทุนคริปโทเบี้ยวหนี้กว่า 600 ล้านดอลล์ บิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 20,000 ดอลลาร์ ใกล้หลุด 700,000 บาทในวันนี้ ท่ามกลางปัจจัยลบที่ฉุดให้สกุลเงินคริปโทร่วงลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ เวลา 19.57 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ร่วงลง 1.2% สู่ระดับ 19,978.75 ดอลลาร์ หรือราว 702,000 บาท ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase ทั้งนี้ บิตคอยน์เคยพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564 หรือกว่า 2,400,000 บาท
• (+) สหรัฐเผยเศรษฐกิจหดตัวมากกว่าคาดใน Q1/65 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/65 ในวันนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัวเพียง 1.4% และ 1.5% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ตามลำดับ นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.5% ในไตรมาส 1/65
• (+) สหรัฐฯกล่าวหาบริษัทจีน 5 แห่งให้การสนับสนุนกองทัพรัสเซีย รัฐบาลอเมริกันขึ้นทะเบียนบริษัทในประเทศจีนเพิ่ม 5 แห่ง ในบัญชีดำด้านการค้า โดยฝ่ายสหรัฐฯกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้สนับสนุนกองทัพรัสเซียและฐานผลิตด้านอุตสาตหรรมกลาโหมของรัสเซีย ตามรายงานของรอยเตอร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ กล่าวว่าบริษัทเหล่านี้ผลิตสินค้าให้แก่ “องค์กรที่น่ากังวล” ของรัสเซีย ก่อนที่รัสเซียรุกรานยูเครนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และยังคงเป็นผู้ส่งสินค้าให้แก่หน่วยงานของรัสเซียที่ถูกมาตรการลงโทษอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมี บริษัทเเละองค์กรอีก 31 แห่งที่ถูกขึ้นบัญชีดำทางการค้าครั้งนี้ อันได้เเก่บริษัทจากประเทศรัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลิทัวเนีย สิงคโปร์ ปากีสถาน อังกฤษ เวียดนามและอุซเบกิสถาน ตามข้อมูลของเอกสาร Federal Register ของสหรัฐฯ ในบรรดา 36 บริษัทที่ถูกขึ้นทะเบียนเพิ่ม 25 แห่งมีกิจการอยู่ในประเทศจีน
• (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับ “พาวเวล” ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดบ. สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (29 มิ.ย.) โดยดัชนีดอลลาร์ พุ่งทะลุระดับ 105 ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.58% แตะที่ระดับ 105.1060 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 136.54 เยน จากระดับ 136.29 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2895 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2871 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9552 ฟรังก์ จากระดับ 0.9572 ฟรังก์ ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0444 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0525 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2119 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2183 ดอลลาร์
• (-) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ดีดตัว หลังดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวลง สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์เพิ่มขึ้น 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ดิ่งลง 80%
• (-) “พาวเวล” ยันเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสู้เงินเฟ้อ แม้กระทบเศรษฐกิจชะลอตัว นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันว่า เฟดมีความมุ่งมั่นในการสกัดเงินเฟ้อ แม้การใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินจะชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ก็จะไม่สร้างความเสี่ยงที่รุนแรง “เรามีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่เรามีเพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลง ซึ่งการทำดังกล่าวก็คือการลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยง แต่ผมก็มองว่านี่ไม่ใช่ความเสี่ยงใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจ โดยความผิดพลาดมากกว่าที่อาจเกิดขึ้นก็คือความล้มเหลวในการรักษาเสถียรภาพต้านราคา” นายพาวเวลกล่าวในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จัดขึ้นที่โปรตุเกสในวันนี้ “เราจะป้องกันไม่ให้ภาวะเงินเฟ้อต่ำกลายเป็นภาวะเงินเฟ้อสูง โดยในระยะสั้น เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อสกัดราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เฟดจะต้องสกัดคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวเพื่อไม่ให้การคาดการณ์ดังกล่าวฝังแน่นในความคิดของผู้บริโภคจนกลายเป็นปัจจัยผลักดันให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นจริงตามคาด” นายพาวเวลกล่าว
• (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวกเพียง 82.32 จุด หลังพาวเวลเดินหน้าขึ้นดบ.แม้ฉุดศก.ชะลอตัว ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (29 มิ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงก็ตาม ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,029.31 จุด เพิ่มขึ้น 82.32 จุด หรือ +0.27%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,818.83 จุด ลดลง 2.72 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,177.89 จุด ลดลง 3.65 จุด หรือ -0.03%