GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 30 พ.ย.64 by YLG

235

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

จังหวะการอ่อนตัวลงของราคาบริเวณโซน 1,779-1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้แนะนำเปิดสถานะซื้อ หรือ หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,815-1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป

แนวรับ : 1,779 1,766 1,758  แนวต้าน : 1,821 1,833 1,849

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง7.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันราคาทองคำจะดีดขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,799.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่ทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้และเผชิญกับแรงขายในเวลาต่อมา  ทั้งนี้  ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน  หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าววานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐไม่มีนโยบายที่จะประกาศล็อกดาวน์เศรษฐกิจ ขณะที่ไฟเซอร์,  โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต่างก็เริ่มพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่เพื่อรับมือกับ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง  สะท้อนจากดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 236.60 จุด หรือ +0.68%, ดัชนี S&P500 ปิด +1.32% และดัชนี Nasdaq ปิด +1.88% และเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำและพันธบัตร  และแรงขายพันธบัตรส่งผลหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐให้ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดที่1.4765% ในวันศุกร์กลับมาเพิ่มขึ้นสูงถึง1.565% จนกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  นอกจากนี้  ทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากดัชนีดอลลาร์ ที่ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์  หลังจากนักลงทุนคลายความวิตกที่ว่า COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐหยุดชะงัก  และชะลอแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMIเขตชิคาโก, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB และจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล  ที่มีกำหนดจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาในหัวข้อ “Coronavirus Aid, Relief, and Economic Security Act หรือ CARES”

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน 1,815-1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากแรงซื้อไม่มากพอหรือราคาไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบ แนวรับ 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับถัดไปนั้นอยู่ในบริเวณ 1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

รอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,779-1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตสถานะซื้อหากราคาหลุด 1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,815-1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดทยอยปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) เฟดดัลลัสเผยดัชนีภาคการผลิตปรับตัวลงในเดือนพ.ย.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสปรับตัวลงสู่ระดับ 11.8 จุดในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.5 จากระดับ 14.6 ในเดือนต.ค.
  • (+) นักลงทุนคาดเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า หลังโอไมครอนระบาดFedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน  ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดมีแนวโน้มเพียง 58.5% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย.2565 จากเดิมที่คาดว่ามีแนวโน้มสูงถึง 82.1%  นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้ปรับลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนก.ค.2565 เหลือเพียง 69% จากเดิมที่ระดับ 88% และลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.2565 เหลือ 79.7% จากเดิม 94.5% รวมทั้งลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2565 เหลือ 92% จากเดิม 99%
  • (-) “ไฟเซอร์” ประกาศพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่รับมือ “โอไมครอน”.นายอัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เริ่มพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่เพื่อรับมือกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นการเฉพาะแล้ว โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 100 วัน นายเบอร์ลาระบุว่า ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์สามารถพัฒนาวัคซีนสูตรเฉพาะเพื่อรับมือกับไวรัสสายพันธุ์เบตาและเดลตาได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ เนื่องจากวัคซีนสูตรดั้งเดิมของบริษัทสามารถต้านไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวได้
  • (-) “ไฟเซอร์” คาดยาแพกซ์โลวิดมีประสิทธิภาพรับมือ “โอไมครอน”.นายอัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ คาดการณ์ว่า ยาแพกซ์โลวิดของทางบริษัทจะมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน. “ยาของเราได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับการกลายพันธุ์ที่มาจากโปรตีนหนาม ทำให้ผมมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าประสิทธิภาพยาของเราจะไม่ถูกกระทบจากไวรัสสายพันธุ์นี้” นายเบอร์ลากล่าว 
  • (-) “ไบเดน” ยันสหรัฐไม่มีแผนล็อกดาวน์เศรษฐกิจสกัด “โอไมครอน”.ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐไม่มีนโยบายที่จะประกาศล็อกดาวน์เศรษฐกิจ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน. “ถ้าประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน และสวมหน้ากากอนามัย ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องล็อกดาวน์ และจะไม่มีการประกาศห้ามการเดินทางครั้งใหม่” ปธน.ไบเดนกล่าวในการแถลงข่าววันนี้. “ไม่ช้าก็เร็ว เราจะเห็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในสหรัฐ ดังนั้นกรุณาสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในอาคาร หรืออยู่ในที่สาธารณะ ซึ่งมีผู้คนจำนวนมาก” ปธน.ไบเดนกล่าว
  • (-) สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายพุ่งขึ้นในเดือนต.ค.สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน  ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะทรงตัวในเดือนต.ค.
  • (-) ดอลล์แข็งค่า หลังนักลงทุนคลายกังวลไวรัสโอไมครอนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเริ่มลดน้อยลง ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.30% แตะที่ 96.3315 เมื่อคืนนี้. ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.71 เยน จากระดับ 113.13 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9245 ฟรังก์ จากระดับ 0.9217 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2769 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2783 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1274 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1313 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3293 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3335 ดอลลาร์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 236.60 จุด รับไบเดนยืนยันไม่ล็อกดาวน์เศรษฐกิจ.ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนยืนยันว่า สหรัฐไม่มีแผนล็อกดาวน์เศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,135.94 จุด เพิ่มขึ้น 236.60 จุด หรือ +0.68%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,655.27 จุด เพิ่มขึ้น 60.65 จุด หรือ +1.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,782.83 จุด เพิ่มขึ้น 291.18 จุด หรือ +1.88%

- Advertisement -

Comments
Loading...