บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 3 ก.พ.65 by HGF

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองบวกจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐอ่อนแอ

คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค. โดย ISM 

ราคาทองคำระยะสั้นอาจเคลื่อนไหว Sideways

• ราคาทองคำ Spot  ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐออกมาอ่อนแอ เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลงเช่นกัน เป็นแรงหนุนราคาทองคำ ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 1.45 ตันจากเมื่อวานนี้
• คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค. โดย ISM ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 59.5 จาก 62.0 ในเดือนธ.ค.  ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะลดลง 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะลดลง 15,000 ราย สู่ระดับ 245,000 ราย นอกจากนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรปและการแถลงของธนาคารกลางยุโรป
• แนวโน้มราคาทองคำ spot คาดว่ามีทิศทางเป็นขาลง  อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้อาจมีปริมาณการซื้อขายทองคำที่เบาบางลง เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีนของประเทศจีน ส่งผลให้ราคาทองคำระยะสั้นอาจเคลื่อนไหว Sideways  โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,780 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,770 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,810 ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

ราคาทองแท่ง 96.5%

โกลด์ฟิวเจอร์ส

- Advertisement -

แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณราคาทอง Spot ที่ 1,810 ดอลลาร์ (GF 28,630 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,820ดอลลาร์ (GF 28,720 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณราคา GOH22 ที่ 1,812 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,822 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่หลายตลาดในภูมิภาคยังคงปิดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ระยะสั้นแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง  สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 33 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.42 บาท/ดอลลาร์

News

ประธานเฟดเซนต์หลุยส์คาดอัตราว่างงานในสหรัฐอาจลดต่ำกว่า 3% ปีนี้

          นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์คาดว่า อัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงต้นทศวรรษ 1950   นายบุลลาร์ดให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “ผมคิดว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 3% ในปีนี้”   นายบุลลาร์ดระบุว่า อัตราว่างงานลดลง 0.7% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แตะที่ 3.9% และอาจปรับลดลงอีกเนื่องจากบริษัทต่าง ๆ กำลังต้องการพนักงาน และจากปัจจัยอื่น ๆ รวมถึงการเกษียณก่อนกำหนด ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนของผู้ที่มีงานทำหรือผู้ที่กำลังมองหางานนั้นลดลง     นายบุลลาร์ดกล่าวว่า ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง แม้ว่าอาจจะเผชิญกับภาวะอ่อนแอในระยะใกล้ อันเนื่องมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น    นายบุลลาร์ดกล่าวว่า “ผมคิดว่ารายงานเรื่องอัตราการจ้างงานที่กำลังจะเปิดเผยน่าจะไม่ดีมากนักเพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ก็คาดว่าสถานการณ์จะไม่ย่ำแย่ โดยเรามองว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งมาก”   นายบุลลาร์ดกล่าวว่า เขาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อให้นโยบายการเงินมีความเหมาะสมมากขึ้น แต่การดำเนินการในอนาคตจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

ผลสำรวจชี้ชาวมะกันเกือบครึ่งหนุนคว่ำบาตรโอลิมปิกฤดูหนาวที่จีน

          ผลสำรวจล่าสุดโดยศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ในสหรัฐระบุว่า ชาวสหรัฐราวครึ่งหนึ่งสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรทางการทูตในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง โดยผู้ตอบแบบสำรวจรับรู้ว่า การคว่ำบาตรดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน   สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศมาตรการคว่ำบาตรเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่า นักกีฬาสหรัฐจะยังคงลงแข่งขันแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลเข้าร่วม   ขณะเดียวกันหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ และแคนาดา ประกาศมาตรการคว่ำบาตรตามสหรัฐ ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นชาติพันธมิตรสำคัญของสหรัฐในเอเชียก็ตัดสินใจที่จะไม่ส่งผู้แทนรัฐบาลเข้าร่วมการแข่งขัน แม้จะพยายามเลี่ยงที่จะไม่เรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็น “การคว่ำบาตรทางการทูต” ก็ตาม      นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุว่า ประชาชนมีมุมมองเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยในช่วงปีที่ผ่านมา โดย 54% มองจีนเป็นคู่แข่ง ส่วน 35% มองว่าเป็นศัตรู และมีเพียง 9% ที่มองว่าจีนเป็นพันธมิตรของสหรัฐ

WHO ชี้หลายประเทศยังไม่พ้นจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดจากโอมิครอน

          มาเรีย ฟาน เคิร์คโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า หลายประเทศยังไม่พ้นจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และควรชะลอการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคอย่างช้า ๆ    “เราขอให้ทุกคนยังคงต้องระมัดระวังตัว เพราะในหลายประเทศยังไม่พ้นจุดสูงสุดของจากแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโอมิครอน ขณะที่หลายประเทศมีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ ท่ามกลางประชาชนที่เปราะบางในประเทศ”   นอกจากนี้ มาเรียยังย้ำด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะยกเลิกมาตรการควบคุมโรคทั้งหมด แต่ควรทยอยยกเลิกมาตรการอย่างเหมาะสมและค่อยเป็นค่อยไป เพราะไวรัสโควิด-19 นั้นสามารถกลายพันธุ์และเปลี่ยนสถานการณ์ได้ตลอดเวลา   ด้านนายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวว่า ทางองค์การฯ รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสข่าวลือในบางประเทศที่กล่าวกันว่า “เรามีวัคซีนแล้ว ส่วนโอมิครอนถึงแพร่เชื้อได้เร็วแต่มีความรุนแรงต่ำ ฉะนั้น การดำเนินมาตรการป้องกันจึงใช้ไม่ได้จริง และไม่มีความจำเป็น”