GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 3 ก.พ.65 by YLG

291

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เก็งกำไรระยะสั้นตามกรอบราคา เปิดสถานะขายหากไม่สามารถยืนเหนือ 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้และให้ทยอยปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาสามารถยืนเหนือโซน 1,784-1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,780 1,766 1,753  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น5.58ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำพักตัวในระยะสั้นโดยทำระดับต่ำสุดที่ 1,794.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้งโดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ (1.) การแข็งค่าของเงินยูโร หลังการเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กระตุ้นการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB) อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ย “เร็วกว่าที่คาดไว้”(2.) ADP เปิดเผยว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานลดลง 301,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000ตำแหน่ง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยิ่งกดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่าจนแตะระดับต่ำสุดบริเวณ95.81 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการปรับตัวขึ้นของทองคำ และ (3.) แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยจากความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีไบเดนได้อนุมัติการส่งกำลังทหารสหรัฐจำนวน 3,000 นายเข้าไปประจำการในยุโรปตะวันออก ปัจจัยนี้เองนอกจากจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำโดยตรง ยังกระตุ้นแรงซื้อพันธบัตรอีกด้วย จนกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุด 1.743%ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนทองเพิ่ม สถานการณ์ดังกล่าวผลักดันให้ทองคำพุ่งขึ้นทะลุระดับสูงสุดของวันก่อนหน้าและทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,810.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.45 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)และธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) รวมไปถึงการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ดัชนี PMI ภาคบริการจากมาร์กิตและ ISM และยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน

จจัยทางเทคนิค :

หลังจากราคาทิ้งตัวลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสามารถยืนเหนือแนวรับโซน 1,784-1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีแนวโน้มดันขึ้นสู่บริเวณ 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซนดังกล่าวขึ้นไป ต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะออกมา หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซนดังกล่าวได้

กลยุทธ์การลงทุน :

ดูบริเวณ 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้แนะนำแบ่งทองคำออกขายทำกำไรระยะสั้น หรือ เปิดสถานะขาย โดยตัดขาดทุนสถานะขายหากราคาผ่าน 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะขายอยู่ แนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรบริเวณโซนราคา 1,784-1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดสามารถถือต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ADP เผยจ้างงานภาคเอกชนวูบหนักเดือนม.ค. ติดลบครั้งแรกรอบกว่า 1 ปี  ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐทรุดตัวลงในเดือนม.ค. โดยมีการจ้างงานลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  ทั้งนี้ ADP เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานลดลง 301,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง  ภาคบริการมีการจ้างงานลดลง 274,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 27,000 ตำแหน่ง
  • (+) ยูโรโซนเผยเงินเฟ้อพุ่ง 5.1% ในเดือนม.ค. สูงสุดเป็นประวัติการณ์  สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5.1% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าว จากระดับ 5.0% ในเดือนธ.ค.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวลงสู่ระดับ 4.4% ในเดือนม.ค.  นอกจากนี้ ดัชนี CPI ยังสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำหนดไว้กว่า 2 เท่า
  • (+) ยูเครนเตือนเผชิญหน้าทางทหารกับรัสเซียอาจเกิดสงครามเต็มรูปแบบ  ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวเตือนว่า การเผชิญหน้าทางทหารระหว่างยูเครนและรัสเซียจะส่งผลทำให้เกิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบ  “จะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น หากรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน และนี่จะไม่ใช่สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย แต่จะเป็นสงครามเต็มรูปแบบในยุโรป เพราะจะไม่มีใครยอมเสียดินแดนและประชาชนของตนเองอีกต่อไป” นายเซเลนสกีกล่าว
  • (+) “ไบเดน” ไฟเขียวส่งทหารสหรัฐ 3,000 นายไปยุโรปตะวันออก ท่ามกลางวิกฤตยูเครน  หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้อนุมัติการส่งกำลังทหารสหรัฐจำนวน 3,000 นายเข้าไปประจำการในยุโรปตะวันออก ท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซียเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ยูเครน  ทั้งนี้ สหรัฐจะส่งกำลังทหาร 2,000 นายจากฐานทัพนอร์ทแคโรไลนาไปประจำการในโปแลนด์และเยอรมนีในสัปดาห์นี้ และจะส่งทหารสหรัฐจำนวน 1,000 นายจากยุโรปเข้าไปประจำการที่โรมาเนีย
  • (+) ดอลล์อ่อนค่า ตลาดผิดหวังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (2 ก.พ.) หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในเดือนม.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.40% แตะที่ 95.99 เมื่อคืนนี้
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 224.09 จุด ขานรับผลประกอบการอัลฟาเบท  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (2 ก.พ.) ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล และแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ โดยตัวเลขกำไรและรายได้ที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนทั้งสองแห่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิปดีดตัวขึ้น และยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ทรุดตัวลงในเดือนม.ค.  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,629.33 จุด เพิ่มขึ้น 224.09 จุด หรือ +0.63%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,589.38 จุด เพิ่มขึ้น 42.84 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,417.55 จุด เพิ่มขึ้น 71.54 จุด หรือ +0.50%
  • (+/-) สื่อเผยโอเปกพลัสยืนตามมติเดิม เพิ่มการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วัน  สื่อรายงานว่า ที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในวันนี้  ทั้งนี้ โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. แม้ถูกกดดันจากสหรัฐและประเทศพันธมิตรที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่านี้เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี

- Advertisement -

Comments
Loading...