GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 29 ธ.ค.64 by YLG

304

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เมื่อราคาทดสอบแนวต้าน 1,820-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร โดยประเมินแนวรับที่ 1,797-1,789ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,798 1,772 1,753  แนวต้าน : 1,834 1,849 1,863

จจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 5.10ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนบริเวณ 1,820.06  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์  และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1.455% ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  โดยได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย  ได้แก่ (1.) แรงขายทำกำไร และแรงขายทางเทคนิค  หลังจากเกิดสัญญาณเชิงลบที่บ่งชี้ว่าโมเมนตัมที่ผลักดันให้ราคาทะยานขึ้นเริ่มชะลอตัวลง  (2.) ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน  ขานรับการเปิดเผย ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ ที่ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 16 ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 12 ในเดือนธ.ค.  นอกจากนี้  ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.ปีหน้า  เห็นได้จากสัญญา Fed fund futures ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดได้ปรับตัวรับโอกาส 50% สำหรับการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ภายในเดือนมี.ค.ปีหน้า ซึ่งเป็นระดับที่ “ไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อ2สัปดาห์ก่อนหน้านี้”  และ (3.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดช่วงติดลบ  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลง 15 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดสู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,804.10ดอลลาร์ต่อออนซ์ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น +2.03 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ

- Advertisement -

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาปรับตัวลงเข้าใกล้โซนแนวรับ 1,797ดอลลาร์ต่อออนซ์หากยืนได้อาจมีแรงดีดกลับสั้นๆ โดยประเมินแนวต้านที่ 1,820-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าวได้  อาจต้องระวังแรงขายกลับลงมาอีกครั้ง โดยประเมินแนวรับโซน1,789-1,772ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำซื้อขายทำกำไรระยะสั้น โดยเปิดสถานะขายหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,820-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์  เพื่อรอทยอยปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ1,797-1,789ดอลลาร์ต่อออนซ์  สถานะขายตัดขาดทุนหากราคาผ่านแนวต้าน1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) “เอสแอนด์พี” เผยราคาบ้านสหรัฐพุ่ง 19.1% ในเดือนต.ค.ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาบ้านในสหรัฐยังคงดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค.  ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 19.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 19.7% ในเดือนก.ย.  ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.4% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 19.1% ในเดือนก.ย. 
  • (+) นักวิเคราะห์คาดเงินเฟ้อตุรกีพุ่งทะลุ 30% ในเดือนธ.ค. สูงสุดรอบ 18ปีผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า อัตราเงินเฟ้อของตุรกีจะพุ่งแตะระดับ 30.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี  หากอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เงินเฟ้อของตุรกีพุ่งทะลุระดับ 30% นับตั้งแต่ปี 2546 โดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546
  • (-) ดอลล์แข็งค่า รับข้อมูลศก.สดใส-คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.ปีหน้า  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.12% แตะที่ 96.2028 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2816 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2796 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.81 เยน จากระดับ 114.90 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9175 ฟรังก์ จากระดับ 0.9176 ฟรังก์  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1302 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1325 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3423 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3440 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7229 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7239 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ผลการศึกษาล่าสุดชี้ การติดเชื้อ ‘โอมิครอน’ สามารถเสริมภูมิคุ้มกันต้าน ‘เดลตา’นักวิจัยในแอฟริกาใต้ค้นพบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะพัฒนาภูมิคุ้มกันต้านไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้มากยิ่งขึ้น  การศึกษาโดยสถาบันวิจัยสุขภาพแอฟริกาเป็นผลสรุปของข้อมูลจากผู้ที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีน 33 คน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า ภูมิต่อต้านโอมิครอนหลังการติดเชื้อครั้งแรกจะพุ่งขึ้น 14 เท่าภายในช่วง 2 สัปดาห์ ขณะที่ภูมิต้านเชื้อเดลตาเพิ่มขึ้น 4.4 เท่า  นักวิทยาศาสตร์ยังกล่าวด้วยว่า ภูมิคุ้มกันที่ว่านี้จะพุ่งสูงเป็นพิเศษในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว  อเล็ก ซิกัล ผู้ร่วมจัดทำรายงานดังกล่าว ทวีตข้อความออกเมื่อวันจันทร์ว่า หากเชื้อโอมิครอน “ไม่ก่อให้เกิดโรคได้ง่าย” อย่างที่เห็นกัน “(เชื้อโอมิครอน)ก็จะทำการต่อต้านเชื้อเดลตาออกไป” ซึ่งหมายความว่า “ความยุ่งยากในชีวิตจากการระบาดของโควิด-19 ดังที่เกิดขึ้นมานั้นก็จะรุนแรงน้อยลงไปด้วย” 
  • (-) โอมิครอนยึดตำแหน่งสายพันธุ์หลักในเนเธอร์แลนด์แล้ว แทนที่เดลตาสถาบันสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ (RIVM) เปิดเผยในวันนี้ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในเนเธอร์แลนด์แล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดในประเทศ โดยสามารถแทนที่สายพันธุ์เดลตา  “การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจะทำให้ผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น”

- Advertisement -

Comments
Loading...