บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 มี.ค.65 By HGF

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำได้ปรับตัวขึ้นกว่า 1.89% จากสัปดาห์ก่อน

สัปดาห์นี้ติดตามการจ้างงานสหรัฐเดือนมี.ค.

ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,940-1,970 ดอลลาร์

• ราคาทองคำ Spot สัปดาห์ที่ผ่านมาฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นกว่า 1.89% ซึ่งนักลงทุนซึมซับการส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีที่กดดันตลาดทองคำ อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในระดับสูง รวมถึงความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงหนุนราคาทองคำ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลนเตือนถึงวิกฤติรัสเซีย-ยูเครนจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกไปจนถึงปีหน้า  ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ซื้อทองคำสุทธิ 10.74 ตันจากสัปดาห์ก่อน
• สัปดาห์นี้สหรัฐเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนมี.ค. ของ ADP ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 455,000 ตำแหน่งจาก 475,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 485,000 ตำแหน่ง จาก 678,000 ตำแหน่งในดือนก.พ.
• ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,940-1,970 ดอลลาร์ อย่างไรก็ราคาทองคำอาจผันผวนจากวิกฤติยูเครน โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,940 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,930 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,970 ดอลลาร์ และ 1,980 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

ราคาทองแท่ง 96.5%

โกลด์ฟิวเจอร์ส

แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) ส่วนการเข้าซื้อราคาทอง Spot รอบใหม่ สามารถเข้าซื้อเมื่อราคา spot ปรับลงมาบริเวณ ที่ 1,930 ดอลลาร์ (GF 30,780 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,920 ดอลลาร์ (GF 30,640 บาท)

- Advertisement -

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) สำหรับการเข้าซื้อราคา GOH22 รอบใหม่ สามารถเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาบริเวณ ที่ 1,932 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,922 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเล็กน้อย หลังจากที่ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ทั้งนี้หากสัปดาห์นี้ไม่มีปัจจัยใหม่ คาดว่าแนวโน้มค่าเงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่า สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 33.46 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.75 บาท/ดอลลาร์

News

เกาหลีเหนือยันยิงขีปนาวุธข้ามทวีปฮวาซอง-17

          สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่า เกาหลีเหนือยืนยันยิงขีปนาวุธข้ามทวีปชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า “ฮวาซอง-17” ภายใต้คำแนะนำของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ   การยิงขีปนาวุธข้ามทวีปเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐและพันธมิตรด้านความมั่นคงกำลังทุ่มความสนใจอยู่กับการแก้ปัญหาเหตุบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย ขณะเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19     KCNA ระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าวซึ่งยิงจากสนามบินนานาชาติเปียงยาง สามารถขึ้นไปที่ระดับความสูงได้สูงสุดถึง 6,248.5 กิโลเมตรและบินได้ไกลถึง 1,090 กิโลเมตร โดยใช้เวลาบิน 67 นาที ก่อนโจมตีเป้าหมายในทะเลญี่ปุ่น    ทั้งนี้ KCNA รายงานโดยอ้างคำพูดของนายคิมว่า “เกาหลีเหนือพร้อมอย่างเต็มที่ในการเผชิญหน้ากับจักรวรรดินิยมสหรัฐมาอย่างยาวนาน” ขณะที่การเจรจาทวิภาคีระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ และการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรหยุดชะงักมานานกว่า 2 ปี

G7 ลั่นจับตารัสเซียไม่ให้เลี่ยงคว่ำบาตร หลังบุกยูเครนครบ 1 เดือน

          บรรดาผู้นำของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมทั้ง 7 (G7) ได้ให้คำมั่นว่า กลุ่ม G7 จะคอยจับตาดูความพยายามของประเทศใด ๆ ที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือรัสเซียให้หลบเลี่ยงการคว่ำบาตรได้ ซึ่งถือเป็นการส่งคำเตือนไปยังประเทศอื่น ๆ อาทิ จีน ที่อาจพยายามส่งความช่วยเหลือให้กับรัสเซีย     การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ผู้นำจากสหรัฐ, ญี่ปุ่น และยุโรปมารวมตัวกันที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมเพื่อจัดการประชุมสุดยอด ซึ่งมีการเน้นย้ำถึงความตั้งใจที่จะยืนหยัดเคียงข้างยูเครน และกดดันให้รัสเซียยุติปฏิบัติการทางทหารซึ่งเปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา   ผู้นำกลุ่ม G7 ระบุในแถลงการณ์ในที่ประชุมพบปะแบบตัวต่อตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกยูเครนว่า “เราขอเน้นย้ำถึงความตั้งใจของเราที่จะออกมาตรการที่ส่งผลลัพธ์อันรุนแรงต่อรัสเซีย รวมถึงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างเต็มกำลังที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้”     “เราพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมตามความจำเป็น”

“ไบเดน” ลั่นสหรัฐตอบโต้แน่ หากรัสเซียใช้อาวุธเคมี-ชีวภาพโจมตียูเครน

          นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐและกลุ่มนาโตจะตอบโต้ “อย่างสาสม” หากรัสเซียใช้อาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพในการโจมตียูเครน   นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังแสดงท่าทีสนับสนุนให้ไล่รัสเซียออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่ม G20 ด้วย    สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปธน.ไบเดนได้มีถ้อยแถลงดังกล่าว หลังจากที่ได้เดินสายประชุมกับสหภาพยุโรป, ชาติสมาชิกกลุ่ม G7 และพันธมิตรในกลุ่มนาโต    ขณะเดียวกัน ปธน.ไบเดนได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่า สหรัฐมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าจีนได้ขายเทคโนโลยีของสหรัฐให้รัสเซียเพื่อช่วยรัสเซียซึ่งถูกคว่ำบาตรหรือไม่ โดยเขากล่าวเพียงแค่ว่า “ผมคิดว่าจีนเข้าใจว่าอนาคตของเศรษฐกิจจีนนั้นขึ้นอยู่กับชาติตะวันตกมากกว่ารัสเซีย” และหวังว่าจีนจะไม่เข้ามายุ่งในกรณีนี้   ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐและชาติพันธมิตรเตือนว่า รัสเซียอาจกำลังวางแผนที่จะใช้อาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพ ซึ่งในขณะนี้ ข้อมูลสภาพอากาศจากฝั่งตะวันตก รวมทั้งสหรัฐและสหราชอาณาจักร ยังคงส่งไปยังหน่วยงานของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงข้อมูลการวัดความเร็วและทิศทางลม แสงแดด ปริมาณน้ำฝนที่ใกล้เคียงเวลาจริง รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจพิสูจน์ได้ว่ามีความสำคัญต่อการวางแผนโจมตีโดยใช้อาวุธชีวภาพหรืออาวุธเคมี   ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดนก็เคยเตือนว่า คำกล่าวอ้างของรัสเซียที่ว่ายูเครนมีการพัฒนาอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในประเทศ ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า รัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตียูเครน