GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 ก.ย.64 by HGF

440

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

กองทุน SPDRขายทองคำ 3.2 ตัน

คืนนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส

ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,737-1,760 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำSpot เมื่อวานปรับขึ้นในการซื้อขายช่วงกลางวันเนื่องจากตลาดยังมีความกังวลถึงการผิดนัดชำระหนี้ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ทำให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่มีแรงเทขายทองคำออกมาในช่วงกลางคืน ทำให้ปิดตลาดทรงตัว เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.8% สูงกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.7%ทางด้านกองทุน SPDRขายทองคำ 3.2 ตัน หลังจากขายทองคำ 8.14 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • คืนนี้ติดตามการแถลงต่อสภาคองเกรสของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจของสหรัฐและและความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจนอกจากนี้คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.โดย Conference Board ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 115.2 จากระดับ 113.8 ในเดือนส.ค.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,737-1,760 ดอลลาร์ โดยทองคำมีปัจจัยหนุนจากปัญหาทางการเงินของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,737 ดอลลาร์และ 1,730 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,760 ดอลลาร์และ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,749.60+0.31,737/1,7301,760/1,770

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
27,800+5027,600/27,50027,950/28,100

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
27,980+7027,770/27,65028,110/28,270

แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,270 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,400 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,753.00+1.001,740/1,7331,763/1,773

แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา GOZ21ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,773 ดอลลาร์  โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,783ดอลลาร์

- Advertisement -

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.8% สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%โดยUSD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.40บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.70 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งรับบอนด์ยีลด์พุ่งจับตา”พาวเวล-เยลเลน” แถลงคองเกรส

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐซึ่งมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในวันนี้ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.06% แตะที่ 93.3812 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวกเพียง 30 เซนต์เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาดทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์หรือ 0.02% ปิดที่ 1,752 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 26.9 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 22.694 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดพุ่ง $1.47 รับคาดการณ์ศก.โลกฟื้นหนุนดีมานด์น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะพุ่งขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันพรุ่งนี้รวมทั้งการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสในวันที่ 4 ต.ค.   สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์หรือ 2% ปิดที่ 75.45 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561   สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์หรือ 1.8% ปิดที่ 79.53  ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561

ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดบวก 71.37 จุดรับความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจหลังมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐชะลอตัวลงและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. อย่างไรก็ดีดัชนีNasdaqและS&P500 ปิดในแดนลบเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.37 จุดเพิ่มขึ้น 71.37 จุดหรือ +0.21% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,443.11 จุดลดลง 12.37 จุดหรือ -0.28% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,969.97 จุดลดลง 77.73 จุดหรือ -0.52%

ซีอีโอไฟเซอร์คาดโลกจะกลับมาเป็นปกติภายใน1ปีแต่อาจต้องฉีดวัคซีนโควิดซ้ำทุกปี

นายอัลเบิร์ตเบอร์ลาประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์กล่าวว่าโลกจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้งภายใน1ปีและมีแนวโน้มว่าในอนาคตวัคซีนป้องกันโควิด-19จะกลายเป็นวัคซีนประจำปีที่ทุกคนต้องฉีดซ้ำเพื่อป้องกันโรคนายเบอร์ลาเผยกับสำนักข่าวเอบีซีว่า “ภายใน1ปีผมคิดว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเชื้อไวรัสจะไม่กลับมาอีกฉะนั้นผมจึงไม่คิดว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตได้โดยปราศจากวัคซีน”   “การฉีดวัคซีนประจำทุกปีเป็นสถานการณ์ที่ผมคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงเนื่องจากเชื้อไวรัสแพร่กระจายไปทั่วโลกและเรายังคงเห็นสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเพิ่มขึ้นมาอีก” นายเบอร์ลากล่าว “ผมคิดว่าสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการฉีดวัคซีนประจำปีแต่เราต้องรอดูข้อมูลต่อไป”   รายงานระบุว่าการคาดการณ์ของนายเบอร์ลาสอดคล้องกับนายสเตฟานบองเซลผู้บริหารของโมเดอร์นาซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมากล่าวกับสื่อมวลชนในลักษณะเดียวกันว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19อาจสิ้นสุดลงภายในหนึ่งปีเนื่องจากการผลิตวัคซีนเพิ่มขึ้นช่วยรับประกันว่าจะมีจำนวนเพียงพอสำหรับทั้งโลก

สื่อเยอรมนีเผยพรรคSPD จ่อเอาชนะพรรคของ “แมร์เคิล” ในการเลือกตั้งทั่วไป

รายงานข่าวผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของเยอรมนี (26ก.ย.) ระบุว่าพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD) น่าจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปอย่างฉิวเฉียดซึ่งอาจทำให้พรรคSPD ขึ้นมานำรัฐบาลเยอรมนีได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี2548และหมายถึงการสิ้นสุดลงของการบริหารโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU)/พรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลาแมร์เคิลก่อนหน้านี้นางแมร์เคิลประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังมีการเลือกตั้งซึ่งทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการกำหนดแนวทางในอนาคตของเยอรมนีที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปสถานีโทรทัศน์ZDF ของเยอรมนีเผยการคาดการณ์ผลการเลือกตั้งโดยระบุว่าพรรคSPD มีแนวโน้มว่าจะได้คะแนนเลือกตั้ง26%ซึ่งมากกว่า24.5%ของพรรคCDU/CSU ทั้งสองพรรคเชื่อว่าตนสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลเยอรมนีได้แต่เนื่องจากไม่มีฝ่ายใดได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจึงคาดว่ารัฐบาลเยอรมนีที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นั้นน่าจะมาจากการจับมือเป็นพันธมิตรระหว่างพรรคSPD และพรรคCDU/CSU แทนที่จะเป็นรูปแบบรัฐบาลผสมดังเช่นในช่วง4ปีที่ผ่านมานายโอลาฟโชลซ์ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคSPD กล่าวว่า “เรามีคะแนนนำในทุกผลโพล” และ “เรื่องนี้ทำให้เรามีกำลังใจและแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่ชัดเจนในการตั้งรัฐบาลเยอรมนีที่สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ”     ทั้งนี้นายโชลซ์เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในรัฐบาลของนางแมร์เคิลรวมถึงเคยเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองฮัมบูร์ก

สภาผู้แทนฯสหรัฐเตรียมผ่านกฎหมายการใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานวันพฤหัสบดีนี้

นางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยว่าสภาผู้แทนราษฎรฯจะลงมติเพื่อผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน1ล้านล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีนี้ (30ก.ย.)  นางแนนซีได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตว่า “ในวันจันทร์ที่27ก.ย. เราจะเริ่มอภิปรายร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานและจากนั้นเราจะลงมติในวันพฤหัสบดีที่30ก.ย.”   ทั้งนี้วุฒิสภาสหรัฐลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง69-30เสียงและได้ส่งร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ประธานาธิบดีโจไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกโดยโครงการดังกล่าวครอบคลุมถึงการสร้างถนนสะพานทางรถไฟปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงการอื่นๆซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ

- Advertisement -

Comments
Loading...