GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 27 เม.ย.65 by YLG

671

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

หากราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านโซน 1,915-1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเปิดสถานะขายในบริเวณดังกล่าว(ตัดขาดทุนหากหลุด 1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เน้นการลงทุนระยะสั้นและไม่ควรถือสถานะจำนวนนานหลายวัน

แนวรับ : 1,891 1,873 1,854  แนวต้าน : 1,915 1,932 1,956

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.20ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกในหลายประเด็น ได้แก่ ความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดในยูเครน หลังจากวานนี้นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ความเสี่ยงในการเกิดสงครามนิวเคลียร์ “มีสูงมาก” และประเทศต่างๆไม่ควรประเมินความเสี่ยงนี้ต่ำเกินไป

ส่วนสหภาพยุโรป(EU) เตรียมจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียรอบที่ 6 ใน “เร็ว ๆ นี้” ทางด้านGazprom ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียได้กล่าวเตือนโปแลนด์และบัลแกเรียว่าจะหยุดการจ่ายก๊าซตั้งแต่วันพุธ ซึ่งเป็นการยกระดับความขัดแย้งในวงกว้างระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก

นอกจากนี้นักลงทุนยังวิตกว่ามาตรการการยับยั้งการระบาดของ COVID-19 ของจีนที่เข้มงวดและยืดเยื้อ อาจกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกปัจจัยดังกล่าวกดดันให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง เห็นได้จากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดลดลง 809.28 จุด หรือ -2.38%, ดัชนี S&P500 ปิด -2.81% และดัชนี Nasdaq ปิด -3.95%พร้อมกับกระตุ้นแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัย

ขณะที่แรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้กดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 2.772% ซึ่งช่วยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม ปัจจัยที่กล่าวมาผลักดันให้ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,911.14 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ดี ดัชนีดอลลาร์ได้อานิสงส์เชิงบวกจากแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัยเช่นกัน บวกรวมกับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย นั่นทำให้ดัชนีดอลลาร์ปิดพุ่งขึ้น 0.55% และแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครั้งใหม่ที่ 102.363ซึ่งเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกทองคำเอาไว้ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย

จจัยทางเทคนิค

ราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้แรงซื้อยังคงถูกจำกัด สำหรับวันนี้ประเมินแนวต้านระยะสั้นในโซน 1,915 ดอลลาร์ต่อออนซ์หากผ่านไปได้แนวต้านสำคัญจะอยู่ในบริเวณ 1,929-1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นยังคงประเมินในโซน 1,891-1,873 ดอลลาร์ต่อออนซ์

- Advertisement -

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นการลงทุนระยะสั้นเปิดสถานะขายหากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านโซน 1,915-1,932ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดสถานะขายลงหากราคาผ่าน 1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ อาจพิจารณาแบ่งเข้าซื้อคืนทำกำไรบางส่วนหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 1,889-1,891 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

• (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 809.28 จุด กังวลจีนล็อกดาวน์-สงครามยูเครน ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 800 จุดในวันอังคาร (26 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 500 จุดและปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน, การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,240.18 จุด ลดลง 809.28 จุด หรือ -2.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,175.20 จุด ลดลง 120.92 จุด หรือ -2.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,490.74 จุด ลดลง 514.11 จุด หรือ -3.95%

• (+) สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ต่ำกว่าคาดในเดือนมี.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 8.6% สู่ระดับ 763,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 765,000 ยูนิต จากระดับ 835,000 ยูนิตในเดือนก.พ.

• (+) Conference Board เผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย. ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 107.3 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 108.0 จากระดับ 107.6 ในเดือนมี.ค.

• (+) น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $3.16 ขานรับจีนออกมาตรการฟื้นฟูศก. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กดีดขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ได้อีกครั้งในวันอังคาร (26 เม.ย.) ขานรับข่าวจีนประกาศเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพุ่งเป้าฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.16 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 101.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.67 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 104.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

• (+) รัสเซียเตือนความเสี่ยงสูงเกิดสงครามนิวเคลียร์ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ความเสี่ยงในการเกิดสงครามนิวเคลียร์มีสูงมาก และประเทศต่างๆไม่ควรประเมินความเสี่ยงนี้ต่ำเกินไป “ขณะนี้ความเสี่ยงในการเกิดสงครามนิวเคลียร์มีสูงมากจริงๆ โดยความเสี่ยงนี้ถือเป็นเรื่องจริงจัง โดยเราไม่สามารถประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป” นายลาฟรอฟกล่าวต่อสำนักข่าว Ria Novosti ของรัสเซีย

• (-) ดอลล์แข็งค่า วิตกสงครามยูเครนหนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (26 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.54% แตะที่ 102.3050 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9623 ฟรังก์ จากระดับ 0.9590 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2799 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2729 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 127.58 เยน จากระดับ 128.01 เยน ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0647 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0714 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2589 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2734 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7147 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7168 ดอลลาร์สหรัฐ

• (-) เฟดริชมอนด์เผยดัชนีภาคการผลิตสูงกว่าคาดในเดือนเม.ย. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิตดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 14 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10 จากระดับ 13 ในเดือนมี.ค.

• (-) สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนมี.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากลดลง 1.7% ในเดือนก.พ. ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนมี.ค.ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์ ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนมี.ค. หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนก.พ.

• (-) “เอสแอนด์พี” เผยดัชนีราคาบ้านสหรัฐพุ่ง 19.8% ในเดือนก.พ. ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาบ้านในสหรัฐดีดตัวขึ้นในเดือนก.พ. ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 19.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 19.1% ในเดือนม.ค. ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ พุ่งขึ้น 20.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 18.9% ในเดือนม.ค.

- Advertisement -

Comments
Loading...