GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 27 พ.ค.65 by YLG

528

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เน้นทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว หากราคาปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้าน 1,858-1,869  ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำจับตาแรงขายทำกำไรหากไม่ผ่านสามารถเปิดสถานะขาย หรือลดพอร์ตสถานะซื้อลง โดยรอเข้าซื้อใหม่ในโซน 1,836-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,836 1,818 1,803  แนวต้าน : 1,869 1,884 1,909

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 3.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,841.42-1,854.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางปัจจัยบวกและลบที่เข้ามาส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ทั้งนี้ ในระหว่างวัน ราคาทองคำร่วงลงทดสอบกรอบด้านล่างบริเวณ 1,841.42 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ดีดตัวสู่ระดับ 2.758% จากแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 2.706% ท่ามกลางแรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากนักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip รวมไปถึงการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจชะลอ (Slow)หรือระงับ(Pause)การคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงครึ่งปีหลังของปี

เนื่องจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะนี้ส่วนใหญ่ล่วนออกมา “แย่เกินคาด” ล่าสุดGDP ไตรมาส 1/2022 GDP หดตัว -1.5% แย่กว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ -1.4% และแย่กว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัวเพียง -1.3% ส่วนดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลงเกินคาดถึง 3.9% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 99.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2020 ปัจจัยดังกล่าวกดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง 0.31% จนช่วยพยุงราคาทองคำในฟื้นตัวลดช่วงติดลบ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี Core PCE, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากUoM

จจัยทางเทคนิค

วานนี้ราคาทำระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า หากวันนี้ราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,858-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระดับสูงสุดของสัปดาห์นี้) อาจส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นเพิ่มขึ้น สำหรับวันนี้ประเมินแนวรับระยะสั้นในโซน 1,841-1,836 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้ประเมินแนวรับถัดไปบริเวณ 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์

- Advertisement -

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว แนะนำเปิดสถานะขายหากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,858-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน 1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) ปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 1,841-1,836 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้สามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน

• (+) ดอลล์อ่อนค่า นักลงทุนผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (26 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่หดตัวลงมากกว่าคาดในไตรมาส 1 ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.22% แตะที่ 101.8290 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 127.17 เยน จากระดับ 127.31 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9593 ฟรังก์ จากระดับ 0.9615 ฟรังก์

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2772 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2809 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0724 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0691 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2595 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2585 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวที่ระดับ 0.7093 ดอลลาร์สหรัฐ

• (+) สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายร่วงเป็นเดือนที่ 6 สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 3.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 99.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 และปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะลดลง 2% ในเดือนเม.ย.

• (+) สหรัฐเผยเศรษฐกิจหดตัวมากกว่าคาดใน Q1/65 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/65 ในวันนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -1.5% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัว -1.4% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวเพียง -1.3% ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 1/65 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยโดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563

• (+) “ปูติน” ยันพร้อมร่วมมือแก้วิกฤตอาหาร แต่ตะวันตกต้องยกเลิกคว่ำบาตรก่อน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขวิกฤตการณ์อาหารระหว่างประเทศ แต่ชาติตะวันตกจะต้องยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียก่อน ทั้งนี้ ปธน.ปูตินเปิดเผยเรื่องดังกล่าวในการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ในวันนี้ นอกจากนี้ ปธน.ปูตินระบุว่า รัสเซียพร้อมที่จะจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่อิตาลี รวมทั้งส่งออกธัญพืชและปุ๋ยแก่ประเทศต่างๆ

• (+) ราคาน้ำมัน WTI พุ่งทะลุ $114 เก็งโอเปกพลัสยึดมั่นข้อตกลงการผลิต สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 3% ทะลุระดับ 114 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมสัปดาห์หน้า ณ เวลา 22.46 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 4.0 ดอลลาร์ หรือ 3.62% สู่ระดับ 114.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

• (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 516.91 จุด รับผลประกอบการบริษัทค้าปลีก ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (26 พ.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีก รวมทั้งรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,637.19 จุด พุ่งขึ้น 516.91 จุด หรือ +1.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,057.84 จุด เพิ่มขึ้น 79.11 จุด หรือ +1.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,740.65 จุด พุ่งขึ้น 305.91 จุด หรือ +2.68%

• (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 215,000 ราย นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

- Advertisement -

Comments
Loading...