GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 26 ต.ค.64 by YLG

302

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

หากแรงขายลดลงทำให้มีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,814-1,819 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา ราคาทองคำอาจอ่อนตัวลงโดยมีแนวรับบริเวณ 1,797-1,793 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,793 1,781 1,766  แนวต้าน : 1,819 1,833 1,847

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.12ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานบางประการ  ทั้งนี้  ราคาทองคำสามารถทรงตัวรักษาระดับเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะ 50, 100 และ 200 วันได้อย่างต่อเนื่องจนกระตุ้นแรงซื้อทางเทคนิคให้ราคาเกิดการดีดตัวขึ้น  ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.62%  จากความไม่แน่นอนของตลาดที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด  หลังจากสหรัฐกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แรงซื้อเพื่อปิดสถานะขาย(short covering)ในตลาดพันธบัตรส่งผลกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มเติม  ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  นั่นทำให้ราคาทองคำค่อยๆไต่ขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,809.84  ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  การปรับตัวขึ้นของทองคำยังคงเป็นไปอย่างจำกัด  เนื่องจากทองคำถูกกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน  ท่ามกลางการอ่อนค่าของยูโรหลัง Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 แตะระดับ 97.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 97.9สถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกของราคาทองคำเอาไว้  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก CB, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์ และยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบในทิศทางค่อยๆปรับตัวขึ้น หากราคาทองคำขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน  1,814-1,819 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วยืนได้แข็งแกร่ง ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ แนวต้านถัดไป 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของเดือนก.ย.)แต่หากผ่านแนวต้านแรกไม่ได้ ราคาจะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับในบริเวณ 1,793-1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อเก็งกำไรระยะสั้น โดยแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ หากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,793-1,781ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และขายให้ทยอยทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,819-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือสามารถกลับมาเปิดสถานะขายหากราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านระดับสูงสุดของเดือนก.ย.บริเวณ 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ‘ไมโครซอฟท์’ เผยแฮกเกอร์รัสเซียพยายามเจาะล้วงข้อมูลรอบใหม่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เปิดเผยในวันอาทิตย์ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและเคยก่อเหตุจารกรรมล้วงข้อมูลเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเรียกกันว่า โซลาร์วินด์ส (SolarWinds) กำลังพยายามโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกอีกครั้งไมโครซอฟท์ กล่าวว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อว่า โนเบลเลียม (Nobelium) ได้ใช้ยุทธวิธีใหม่เพื่อฉกฉวยประโยชน์จากการเข้าถึงระบบคลาวด์ของภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ กับลูกค้าหรือผู้ใช้เทคโนโลยีของบริษัทเหล่านั้นไมโครซอฟท์มีแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้จับตามองการโจมตีของโนเบลเลียมมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และได้แจ้งให้บริษัทต่าง ๆ ที่ตกเป็นเป้าหมายมากกว่า 140 แห่งรับทราบในจำนวนนี้คาดว่ามีอย่างน้อย 14 บริษัทที่ถูกเจาะล้วงระบบคอมพิวเตอร์แล้ว
  • (+) เฟดชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่ำกว่าคาดในเดือนก.ย.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ -0.13 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +0.35 จากระดับ +0.05 ในเดือนส.ค.  ดัชนีได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของการผลิตในภาคอุตสาหกรรม
  • (-) ยุโรปเริ่มกระบวนการอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์เร่งด่วนแล้ว คาดแซงหน้าสหรัฐบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) ได้เริ่มต้นกระบวนการประเมินประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเร่งด่วนแล้ว  ที่ผ่านมา EMA จะใช้มาตรการ “rolling review” ในการเร่งกระบวนการประเมินผลต่อยาที่มีแนวโน้มให้ประสิทธิภาพสูงในช่วงที่เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดย EMA จะทำการประเมินข้อมูลประสิทธิภาพของยาทันทีที่มีการเผยแพร่ออกมา แทนที่จะรอให้บริษัทยารวบรวมข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด และยื่นเรื่องขออนุมัติอย่างเป็นทางการต่อ EMA
  • (-) Ifo เผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีต่ำเกินคาดในเดือนต.ค.Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 แตะระดับ 97.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. จากระดับ 98.9 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 97.9
  • (-) ดอลลาร์แข็งค่า จับตาข้อมูลเศรษฐกิจ-การประชุมธนาคารกลาง  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ 93.8157 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.70 เยน จากระดับ 113.43 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9195 ฟรังก์ จากระดับ 0.9162 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2385 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2366 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1612 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1636 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3769 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3755 ดอลลาร์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 64.13 จุด ขานรับหุ้นเทสลาพุ่งแรงดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นกว่า 12% ขานรับยอดสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากถึง 100,000 คัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊กและอัลฟาเบท  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,741.15 จุด เพิ่มขึ้น 64.13 จุด หรือ + 0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,566.48 จุด เพิ่มขึ้น 21.58 จุด หรือ +0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,226.71 จุด เพิ่มขึ้น 136.51 จุด หรือ + 0.90%
  • (+/-) จับตาไบเดนขึ้นเวทีอาเซียนซัมมิต หวังคานอำนาจจีน หลังทรัมป์เมินประชุม 3 ปีติดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ผ่านระบบการประชุมทางไกลในวันพรุ่งนี้ (26 ตุลาคม)  การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนของปธน.ไบเดนเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐยังคงต้องการมีบทบาทในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวถึง 3 ปีติดต่อกัน จนทำให้จีนสามารถแผ่อิทธิพลในภูมิภาคดังกล่าวทั้งนี้ การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐจะมีขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม เวลา 20.00 น.ตามเวลาไทย

- Advertisement -

Comments
Loading...