GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 26 ต.ค.64 by HGF

301

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.

แนวโน้มราคาทองคำคาดจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3ทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ เนื่องจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังประธานเฟดแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้าและเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในเร็วๆนี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวาน หลังจากขายทองคำ 2.03 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 108.4 จากระดับ 109.3 ในเดือนก.ย. ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ755,000ยูนิตจากระดับ 740,000ยูนิตในเดือนส.ค.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spotคาดจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องระยะสั้นทองคำมีแนวต้าน 1,813 ดอลลาร์และแนวต้านสำคัญ 1,833 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์และแนวรับ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,807.40+15.121,780/1,7701,813/1,833

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,250-5027,950/27,80028,300/28,600

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,400+5028,110/27,96028,460/28,770

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่รอให้ราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,110 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF27,960บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,808.10+6.001,782/1,7721,815/1,835

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่แนะนำเข้าซื้อที่ราคา GOZ211,782ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,772ดอลลาร์

- Advertisement -

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะเริ่มอ่อนค่าลง หลังจากแข็งค่าขึ้นติดต่อกัน2 วันทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ได้แก่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางแคนาดาโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.30บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลลาร์แข็งค่าจับตาข้อมูลเศรษฐกิจ-การประชุมธนาคารกลาง

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจและการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ 93.8157 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $10.5 วิตกเงินเฟ้อหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนที่ผ่านมา (25 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยนอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.5 ดอลลาร์หรือ 0.58% ปิดที่ระดับ 1,806.8 ดอลลาร์/ออนซ์ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.    สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.3 เซนต์หรือ 0.58% ปิดที่ 24.592 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดทรงตัวหลังพุ่งทะลุ 85 ดอลล์รับดีมานด์ฟื้นตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 ต.ค.) หลังพุ่งขึ้นทะลุ 85 ดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีอันเนื่องมาจากต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19    ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดทรงตัวที่ระดับ 83.76 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์หรือ 0.5% ปิดที่ 85.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 64.13 จุดขานรับหุ้นเทสลาพุ่งแรง

ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีS&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นกว่า 12% ขานรับยอดสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากถึง 100,000 คันนอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีในสัปดาห์นี้ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊กและอัลฟาเบทดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,741.15 จุดเพิ่มขึ้น 64.13 จุดหรือ + 0.18%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,566.48 จุดเพิ่มขึ้น 21.58 จุดหรือ +0.47% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,226.71 จุดเพิ่มขึ้น 136.51 จุดหรือ + 0.90%

“เพโลซี” แย้มพรรคเดโมแครตใกล้บรรลุข้อตกลงแผนใช้จ่ายด้านสวัสดิการของ “ไบเดน”

นางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยว่าพรรคเดโมแครตใกล้บรรลุข้อตกลงในแผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการของประธานาธิบดีโจไบเดนแล้วนางเพโลซีเปิดเผยกับรายการ “State of the Union” ทางสถานีโทรทัศน์CNN (24ต.ค.) ว่า “ในแง่ของความคืบหน้าปัจจุบันนั้นเรามีร่างกฎหมายที่ตกลงกันได้แล้วประมาณ90%เราแค่มีการตัดสินใจสุดท้ายบางอย่างที่ต้องทำ”

“เยลเลน” คาดอัตราเงินเฟ้อสหรัฐกลับสู่ระดับปกติภายในครึ่งหลังของปีหน้า

นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่าสหรัฐจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้พร้อมกับคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับปกติภายในช่วงครึ่งหลังของปี2565นางเยลเลนกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวCNN ว่าการใช้จ่ายในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและโครงการ “Build Back Better” ซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีโจไบเดนนั้นจะมีการจัดสรรในอีก10ปีข้างหน้าและเธอคิดว่าการใช้จ่ายในโครงการเหล่านี้จะไม่ทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อย่ำแย่ลง   “ดิฉันคิดว่าเราจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ดิฉันคาดว่าอัตราเงินเฟ้อรายปีจะยังคงอยู่ในระดับสูงถึงปีหน้าแต่หลังจากนั้นสถานการณ์เงินเฟ้อจะดีขึ้นโดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับปกติภายในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า” นางเยลเลนกล่าวที่ผ่านมานั้นตลาดการเงินวิตกกังวลว่าปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั้งในสหรัฐและทั่วโลกที่เกิดขึ้นในช่วงที่เริ่มมีการเปิดเศรษฐกิจอาจจะส่งผลให้ดีมานด์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงและส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอย่างไรก็ดีนางเยลเลนแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า “เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ที่เริ่มดีขึ้นดิฉันคาดว่าปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานก็จะบรรเทาลงและชาวอเมริกันก็จะกลับสู่ตลาดแรงงานอีกครั้งเนื่องจากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น”

“เยลเลน” เผยกฎระเบียบสถาบันการเงินแข็งแกร่งมากขึ้นในยุคพาวเวลนั่งปธ.เฟด

นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “State of the Union” ทางสถานีโทรทัศน์CNN ว่ากฎระเบียบที่นำมาใช้กับสถาบันการเงินของสหรัฐนั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในยุคที่นายเจอโรมพาวเวลดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)   เมื่อผู้ดำเนินรายการขอให้นางเยลเลนเปิดเผยคำแนะนำที่เธอให้กับประธานาธิบดีโจไบเดนเกี่ยวกับการเสนอชื่อนายพาวเวลให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่2แต่นางเยลเลนปฏิเสธที่จะเปิดเผยเรื่องดังกล่าว   “ดิฉันไม่ขอเปิดเผยว่าดิฉันได้ให้คำแนะนำอะไรบ้างแก่ปธน.ไบเดนแต่ดิฉันสามารถพูดได้ว่าในระหว่างที่นายพาวเวลดำรงตำแหน่งประธานเฟดรวมทั้งในช่วงที่ดิฉันและนายเบนเบอร์นันเก้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดกฎระเบียบที่นำมาใช้กับสถานบันการเงินนั้นมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” นางเยลเลนกล่าว

- Advertisement -

Comments
Loading...