เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด
- Advertisement -
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ
เข้าซื้อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,937-1,919 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,974 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,937 1,919 1,895 แนวต้าน : 1,974 1,991 2,009
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.69ดอลลาร์ต่อออนซ์แม้ว่าราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ส่วนใหญ่ออกมาดีเกินคาด อาทิ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เกินคาดสู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.1969 และดัชนีPMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2021ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เดินหน้าเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลอดปีนี้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นได้แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากวานนี้พันธมิตรนาโตตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือทางการทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครนพร้อมกันนี้นาโตจะเพิ่มกำลังทหารอีก 4 กลุ่มในยุโรปตะวันออก ซึ่งรวมถึงบัลแกเรีย ฮังการี โรมาเนีย และสโลวาเกีย เพื่อรับมือภัยคุกคามจากรัสเซีย นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อสมาชิกรัฐสภารัสเซีย 328 คน และรัฐวิสาหกิจหลายแห่งของรัสเซีย รวมทั้งคณะกรรมการบริหาร 17 คนของสถาบันการเงินรายใหญ่ของรัสเซีย มหาเศรษฐีผู้ใกล้ชิดกับปธน.ปูติน และบริษัทด้านกลาโหมอีก 48 แห่งที่เชื่อว่าผลิตอาวุธป้อนให้กับกองทัพรัสเซียอีกด้วย ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งผ่านระดับสูงสุดเดิมบริเวณ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งช่วยกระตุ้นแรงซื้อตามทางเทคนิค ส่งผลให้ราคาทองคำทะยานขึ้นต่อจนทดสอบระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 1,965.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์แม้เผชิญกับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ก็ตาม ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
- Advertisement -
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาค่อยๆปรับตัวขึ้น แต่ช่วงบวกเริ่มแคบลง หากราคาทองคำไม่สามารถ break out ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,974 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้กลับลงมาตั้งฐานราคาด้านล่าง เบื้องต้นประเมินว่าประเมินแนวรับโซน 1,937-1,919 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้ จึงจะมีแรงดีดกลับไปทดสอบแนวต้านด้านบนอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
เปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,937-1,919 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,919 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะซื้ออยู่ แนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,974 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป หากผ่านได้สามรถถือสถานะซื้อต่อ
ข่าวสารประกอบการลงทุน
- (+) นาโตประกาศเพิ่มกำลังทหารในยุโรปตะวันออกรับมือรัสเซีย นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวในการแถลงข่าวว่า นาโตจะเพิ่มกำลังทหารอีก 4 กลุ่มในยุโรปตะวันออก ซึ่งรวมถึงบัลแกเรีย ฮังการี โรมาเนีย และสโลวาเกีย เพื่อรับมือภัยคุกคามจากรัสเซีย การเพิ่มกำลังทหารดังกล่าวจะทำให้นาโตมีกำลังทหารรวมเป็น 8 กลุ่ม ซึ่งจะประจำการทางตะวันออกของยุโรป นับตั้งแต่ทะเลบอลติกจนถึงทะเลดำ นอกจากนี้ นายสโตลเทนเบิร์กกล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของนาโตได้เตรียมการรับมือการโจมตีด้วยอาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ รวมทั้งอาวุธเคมี และการแผ่รังสี
- (+) ‘เซเลนสกี’ ร้องขอความช่วยเหลือเพิ่มแบบ ‘ไร้ข้อจำกัด’ รับมือรัสเซียประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า องค์การนาโต้จะเพิ่มศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง หลังจากที่ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เรียกร้องให้ผู้นำนาโต้เพิ่มความช่วยเหลือด้านอาวุธให้แก่ยูเครน “โดยไม่มีข้อจำกัด” เพื่อต่อต้านการรุกรานของรัสเซียซึ่งเข้าสู่เดือนที่สองคำร้องขอของผู้นำยูเครนมีขึ้นในขณะที่ผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ร่วมการประชุมที่กรุงบรัสเซลล์ เพื่อหารือเรื่องการตอบโต้ในระยะสั้นและระยะยาวต่อรัสเซีย ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวต่อที่ประชุมนาโต้ผ่านวิดีโอออนไลน์ว่า ทหารยูเครนต้องการเครื่องบินรบ รถถัง และระบบป้องกันขีปนาวุธทั้งทางทะเลและทางอากาศ พร้อมเตือนว่ารัสเซียจะโจมตีใส่โปแลนด์ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ และประเทศอื่น ๆ ในยุโรปต่อไป
- (+) สหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษชุดใหม่มุ่งเป้านักการเมืองรัสเซียรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียในวันพฤหัสบดี ในขณะที่ผู้นำองค์การนาโต้และกลุ่ม G-7 ร่วมประชุมที่กรุงบรัสเซลล์ เบลเยียม มาตรการลงโทษชุดใหม่ของสหรัฐฯ มุ่งเป้าไปที่สมาชิกรัฐสภารัสเซีย 328 คน และรัฐวิสาหกิจหลายแห่งของรัสเซีย รวมทั้ง คณะกรรมการบริหาร 17 คนของสถาบันการเงินรายใหญ่ของรัสเซีย ซอฟคอมแบงก์ (Sovcombank) และ เฮอร์แมน เกรฟ ประธานธนาคาร สเบอร์แบงก์ (Sberbank) และ เกนนาดี ทิมเชนโก มหาเศรษฐีผู้ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน นอกจากนี้ยังรวมถึงบริษัทด้านกลาโหมอีก 48 แห่งที่เชื่อว่าผลิตอาวุธป้อนให้กับกองทัพรัสเซียสำหรับใช้ในปฏิบัติการที่ยูเครน
- (+) สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลง 2.2% ในเดือนก.พ.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ร่วงลง 2.2% ในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนม.ค.
- (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใสดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) ขานรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.17% แตะที่ 98.7890 เมื่อคืนนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 122.25 เยน จากระดับ 121.12 เยน แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9303 ฟรังก์ จากระดับ 0.9307 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2548 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2561 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1004 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1013 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3182 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3208 ดอลลาร์
- (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง $349.44 จุด รับข้อมูลศก.สดใส-คลายกังวลเงินเฟ้อดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,707.94 จุด เพิ่มขึ้น 349.44 จุด หรือ +1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,520.16 จุด เพิ่มขึ้น 63.92 จุด หรือ +1.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,191.84 จุด เพิ่มขึ้น 269.23 จุด หรือ +1.93%
- (-) ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐสูงสุดรอบ 8 เดือนในมี.ค.เอส แอนด์ พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2564 จากระดับ 55.9 ในเดือนก.พ.
- (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดรอบกว่า 50ปีกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง28,000 ราย สู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2512 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย