GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 25 ต.ค.64 by HGF

271

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

วันศุกร์ทองคำปรับขึ้นแรง เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ

สัปดาห์นี้ติดตามจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐและยุโรป

แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหว Sideways up

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ฟื้นตัวขึ้น ทองคำมีปัจจัยบวกจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์หลังจากธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่วนรายงาน Beige Book สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตชะลอตัวลงในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาโดยได้รับผลกระทบจากภาวะติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานราคาพลังงานสูงขึ้น ส่วนวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับขึ้นแรง เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ หลังประธานเฟดแถลงว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้าและเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในเร็วๆนี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ2.03 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • สัปดาห์นี้ติดตามจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐและยุโรป อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐการประชุมธนาคารกลางยุโรปและการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐจะเติบโต 2.6% ชะลอตัวลงหลังจากที่ไตรมาส 2เติบโต 6.7% จีดีพีไตรมาส 3 ของยุโรปจะเติบโต 2.1% หลังจากที่ไตรมาส 2เติบโต 2.2% ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรปติดตามว่าจะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินหรือไม่
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหว Sideways upถ้าผ่านแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ ทองคำจะมีแนวต้านถัดไป 1,813 ดอลลาร์และ1,833 ดอลลาร์ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์และแนวรับ1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,792.28+9.681,780/1,7701,800/1,813

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,300+5028,050/27,90028,350/28,500

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,270-7028,200/28,07028,470/28,670

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) เพื่อขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,800ดอลลาร์(GF28,470 บาท) การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่รอให้ราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780ดอลลาร์ (GF28,200 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF28,070 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,787.40-2.501,783/1,7731,803/1,816

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) เพื่อขายทำกำไรบางส่วนที่ราคา GOZ211,803ดอลลาร์การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่แนะนำเข้าซื้อที่ราคา GOZ211,783ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,773ดอลลาร์

- Advertisement -

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยหลังจากการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.ของสหรัฐที่ขยายตัวดีเกินคาดโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.30-33.40บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลลาร์อ่อนค่านลท.ขายหลังข้อมูลศก.แกร่ง

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยหลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค.   ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.13% แตะที่ 93.6449 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $14.4 วิตกเงินเฟ้อหนุนแรงซื้อ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ต.ค.) โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.4 ดอลลาร์หรือ 0.81% ปิดที่ระดับ 1,796.3 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 27.9 เซนต์หรือ 1.15% ปิดที่ 24.449 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 1.26 ดอลล์ภาวะอุปทานตึงตัวหนุนตลาด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ต.ค.) และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันโดยได้แรงหนุนจากภาวะปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวอย่างต่อเนื่อง, การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง, การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและการคาดการณ์อุปสงค์พลังงานที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์หรือ 1.5% ปิดที่ 83.76 ดอลลาร์/บาร์เรลและปรับตัวขึ้น 2.5% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์หรือ 1.1% ปิดที่ 85.53 ดอลลาร์/บาร์เรลและปรับตัวขึ้น 0.8% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 73.94 จุดสวนทางS&P500-Nasdaq ปิดลบ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ต.ค.) และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนขณะที่ดัชนีS&P500 และดัชนีNasdaq ปิดลดลงโดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทสแนปและบริษัทอินเทลกรุ๊ปซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยีนอกจากนี้นักลงทุนได้เริ่มวิตกกังวลอีกครั้งหลังจากที่นายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเฟดได้หารือที่จะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,677.02 จุดเพิ่มขึ้น 73.94 จุดหรือ +0.21%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,544.90 จุดลดลง 4.88 จุดหรือ -0.11% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 15,090.20 จุดลดลง 125.50 หรือ -0.82%

เฟดชี้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเหตุปัญหาห่วงโซ่อุปทาน-ขาดแคลนแรงงาน

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน12เขตของสหรัฐหรือBeige Book โดยระบุว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงกลางเดือนส.ค.จนถึงเดือนก.ย. เนื่องจากภาวะติดขัดของห่วงโซ่อุปทาน, ปัญหาขาดแคลนแรงงานและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เป็นมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19สายพันธ์เดลตา   “ในภาพรวมนั้นแนวโน้มในระยะใกล้ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงเป็นบวกแต่มีบางเขตที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น” รายงานBeige Book ระบุรายงานยังระบุด้วยว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนความต้องการแรงงานอยู่ในระดับที่สูงมากในขณะที่จำนวนแรงงานในตลาดยังคงอยู่ในระดับต่ำนอกจากนี้รายงานของเฟดยังระบุว่าเขตส่วนใหญ่ในสหรัฐเผชิญกับราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอันเนื่องมาจากความต้องการสินค้าและวัตถุดิบที่สูงขึ้น

“ไบเดน” แสดงความกังวลกรณีจีนทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง

ประธานาธิบดีโจไบเดนแห่งสหรัฐได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ (Nuclear-Capable Hypersonic Missile) ของจีนหลังจากสื่อรายงานในช่วงสุดสัปดาห์ว่าจีนได้ทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานเมื่อวันเสาร์ว่ากองทัพจีนได้ยิงขีปนาวุธประเภทดังกล่าวซึ่งขีปนาวุธได้โคจรรอบโลกก่อนที่จะเร่งความเร็วไปยังเป้าหมายขณะที่จีนปฏิเสธรายงานดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นการทดสอบตามปกติเพื่อตรวจสอบเทคโนโลยีในการนำยานอวกาศกลับมาใช้ใหม่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลเกี่ยวกับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของจีนหรือไม่ปธน.ไบเดนตอบว่า “ผมรู้สึกกังวล”   ทางด้านเจนซากีโฆษกทำเนียบขาวแถลงต่อสื่อมวลชนว่า “ดิฉันจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานใดอย่างเจาะจงแต่ถ้าพูดโดยรวมแล้วเรามีความกังวล” พร้อมกับเปิดเผยว่าสหรัฐได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับขีดความสามารถทางทหารของจีนผ่านช่องทางการทูตสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าหน่วยงานโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยในเดือนก.ย.ว่าทางหน่วยงานได้ทำการทดสอบอาวุธความเร็วเหนือเสียงซึ่งมีความเร็วมากกว่าเสียงถึง5เท่าและถือเป็นความสำเร็จในการทดสอบอาวุธดังกล่าวเป็นครั้งแรกของสหรัฐนับตั้งแต่ปี2556

สหรัฐจับตาไวรัสโควิดสายพันธุ์ “เดลตาพลัส” เชื่อแพร่ระบาดได้เร็วขึ้น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดกับไวรัสโควิด-19สายพันธุ์ “เดลตาพลัส” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางรายระบุว่าอาจแพร่ระบาดได้มากกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาเดิมที่สามารถแพร่กระจายได้ในระดับสูงอยู่แล้วไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่าAY.4.2นั้นเป็นการกลายพันธุ์ใหม่ของสไปค์โปรตีนA222V และY145H ฟรังซัวส์แบลูซ์ผู้อำนวยการสถาบันพันธุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอนระบุว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสอาจแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์เดลตาเดิมราว10-15%กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียเปิดเผยในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์เดลตาเดิมโดยเดลตาพลัสสามารถจับกับเซลล์ปอดได้อย่างแน่นหนามากกว่าและอาจลดประสิทธิภาพของการรักษาด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดีดร.โรเชลวาเลนสกีผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าการกลายพันธุ์ดังกล่าวถูกตรวจพบในสหรัฐแต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วประเทศ

- Advertisement -

Comments
Loading...