GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 23 มิ.ย.65 by YLG

406

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

ราคาแกว่งตัวในกรอบแนะนำซื้อขายทำกำไรระยะสั้นพิจารณาแนวต้านโซน 1,847-1,858 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในการเสี่ยงเปิดสถานะขายเก็งกำไรระยะสั้น รอราคาอ่อนตัวลงหากไม่หลุดแนวรับปิดสถานะขายทำกำไรบริเวณโซน 1,823-1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,823 1,804 1,786  แนวต้าน : 1,858 1,879 1,898

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระหว่างการซื้อขายของตลาดเอเชียและช่วงต้นของตลาดยุโรป ราคาทองคำอ่อนตัวลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,847.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในเวลาต่อมา ท่ามกลางแรงซื้อเก็งกำไรและแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากราคาทองคำอ่อนตัวลงเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป(Oversold) ประกอบกับมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแรงขายชะลอตัวลง นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ร่วงลงสู่ระดับ 3.1261%

ขณะที่นักลงทุนกลับมาปิดรับความเสี่ยง(Risk off) ด้วยการขายหุ้นและเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากประธานเฟดแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาวานนี้ แสดงความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง และระบุว่าเฟดกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วไปสู่เป้าหมายดังกล่าว

แม้มีความเป็นไปได้ที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจจะถดถอยก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,847.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะลดช่วงบวกลงจากแรงขายทำกำไรและการฟื้นตัวของดัชนีดอลลาร์

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.03 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรของประธานเฟด และติดตามการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคการผลิตของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค

- Advertisement -

เมื่อราคาปรับตัวขึ้นยังคงเกิดแรงขายอ่อนตัวลง หากราคาดีดตัวขึ้นระยะสั้นไม่สามารถทรงตัวเหนือแนวต้านโซน 1,847-1,858 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจเกิดแรงขายให้ราคาอ่อนตัวลงประเมินว่าแนวรับบริเวณโซน 1,823-1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนได้ มีแนวโน้มขึ้นที่ราคาจะฟื้นตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

ราคาทองคำมีจุดเสี่ยงเปิดสถานะขายระยะสั้นในบริเวณ 1,847-1,858 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืน 1,858 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) รอปิดสถานะขายหากราคาอ่อนตัวลงบริเวณแนวรับโซน 1,823-1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

• (+) IEA เตือนยุโรปรับมือรัสเซียอาจตัดการส่งก๊าซทั้งหมด นายฟาติห์ บิโรล ผู้อำนวยการบริหารของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวว่า รัสเซียอาจตัดการส่งก๊าซไปยังยุโรปทั้งหมดเพื่อเพิ่มแรงกดดันทางการเมือง ท่ามกลางการสู้รบในยูเครน

• (+) ดอลลาร์อ่อนค่า กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่าการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.23% แตะที่ระดับ 104.1980 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 136.26 เยน จากระดับ 136.52 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9616 ฟรังก์ จากระดับ 0.9662 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2934 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2919 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหัฐ ที่ระดับ 1.0569 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0534 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2264 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2277 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6932 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6975 ดอลลาร์สหรัฐ

• (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 47.12 จุด หลังพาวเวลแถลงสภาคองเกรส ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่าการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มพลังงานยังเป็นปัจจัยฉุดตลาดเช่นกัน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,483.13 จุด ลดลง 47.12 จุด หรือ -0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,759.89 จุด ลดลง 4.90 จุด หรือ -0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,053.08 จุด ลดลง 16.22 จุด หรือ -0.15%

• (+) บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วง นักลงทุนปิดรับความเสี่ยง กังวลเศรษฐกิจถดถอย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนปิดรับความเสี่ยง และเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ณ เวลา 20.17 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 3.154% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.254%

• (-) ประธานเฟดชิคาโกหนุนขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วและแรงขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ “ผมมองว่าเฟดมีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกมากในช่วงหลายเดือนข้างหน้าเพื่อให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2%” นายอีแวนส์กล่าว นายอีแวนส์ระบุว่า “ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัว ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงจะช่วยจำกัดอุปสงค์ และชะลอเงินเฟ้อได้อย่างมากในช่วงหลายปีข้างหน้า” นอกจากนี้ นายอีแวนส์กล่าวว่า เฟดจะต้องใช้ความระมัดระวัง และพร้อมที่จะปรับนโยบาย หากเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อภาวะเศรษฐกิจ

• (-) “พาวเวล” ยันเฟดมีความมุ่งมั่นสกัดเงินเฟ้อ/ชี้เศรษฐกิจสหรัฐน่าพึงพอใจ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันต่อสภาคองเกรสในวันนี้ว่า เฟดมีความมุ่งมั่นและมีความสามารถในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ “ภายในองค์กรของเฟด เราเข้าใจดีถึงผลกระทบจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น โดยเรามีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง และเรากำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ซึ่งเรามีทั้งเครื่องมือที่เราต้องการ และมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเสถียรภาพด้านราคาสำหรับครัวเรือนและภาคธุรกิจของชาวอเมริกัน” นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้

• (-) โพลล์รอยเตอร์ฟันธงเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ค. ผลการสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์ราว 3 ใน 4 ที่ถูกสำรวจ หรือ 67 จาก 91 ราย คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.75% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. ก่อนที่จะปรับขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนพ.ย.และธ.ค. การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 3.25-3.50% ในสิ้นปีนี้ สอดคล้องกับที่เฟดคาดการณ์ที่ระดับ 3.4% ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในไตรมาส 1/66 ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 2 และ 3 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในไตรมาส 4

- Advertisement -

Comments
Loading...