เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด
- Advertisement -
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
ราคาทองคำยังมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,787-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรระยะสั้น แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป
แนวรับ : 1,761 1,749 1,733 แนวต้าน : 1,787 1,803 1,826
ปัจจัยพื้นฐาน :
- Advertisement -
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ +1.1% โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทางเทคนิคและแรงซื้อ Buy the dip หลังจากทองเผชิญกับแรงขายต่อเนื่อง 6 วันทำการติดต่อกัน ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากกลับมาอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ถูกเทขายทำกำไรหลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาขานรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่เป็นไปในเชิง Hawkish กว่าคาด นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการเปิดเผยดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาดสู่ระดับ +0.29 ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +0.32 พร้อมกันนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากถ้อยแถลงของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์กซึ่งเป็นกรรมการเฟดที่มีสิทธิ์โหวตนโยบายการเงินแบบถาวร ที่ออกมาระบุวานนี้ว่า เศรษฐกิจจำเป็นต้องมีความคืบหน้ามากกว่านี้ ก่อนที่เฟดจะเริ่มลดมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจบางส่วน ซึ่งสะท้อนมุมมองในเชิงสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน(Dovish Tone) สถานการณ์ดังกล่าว หนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,786.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังในการถือครองทองสถานะทองคำหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณเปลี่ยนท่าทีในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -3.50 ตัน สำหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองและดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ อีกทั้งต้องจับตานายพาวเวล ประธานเฟด แถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์ COVID-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในคืนวันนี้
ปัจจัยทางเทคนิค :
ราคาเริ่มมีการดีดตัวกลับทุกครั้งเมื่อราคาอ่อนตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดของวันก่อนหน้า หากการดีดตัวอยู่ในระดับที่มากกว่า 25-30 เหรียญจะทำให้แรงขายชะลอตัวลง แต่หากการดีดตัวกลับราคายังไม่สามารถกลับไปทดสอบหรือยืนเหนือโซนแนวต้าน 1,787-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจเกิดแรงขายกดดันให้ราคาปรับตัวลง โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 1,767-1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นทำกำไรระยะสั้น เปิดสถานะขายในโซนใกล้ 1,787-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาผ่านแนวต้านโซน 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ตัดขาดทุน ขณะที่หากราคาอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1,767-1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้แนะนำให้ปิดสถานะขายทำกำไร
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) เฟดชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +0.29 ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +0.32 จากระดับ -0.09 ในเดือนเม.ย. ดัชนีได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่
- (+) บิตคอยน์ดิ่งต่อเนื่องใกล้หลุด 1,000,000 บาท หลังจีนสั่งกวาดล้างหนัก บิตคอยน์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ใกล้หลุดระดับ 32,000 ดอลลาร์ และใกล้หลุดระดับ 1,000,000 บาท หลังมีรายงานว่า รัฐบาลจีนสั่งกวาดล้างเหมืองขุดบิตคอยน์ในมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นแหล่งขุดบิตคอยน์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน ทั้งนี้ บิตคอยน์ดิ่งลงเกือบ 10% ในวันนี้ สู่ระดับ 32,094 ดอลลาร์ (ราว 1,014,000 บาท) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 12 วัน และเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 1 เดือน นอกจากนี้ บิตคอยน์ร่วงลงกว่า 20% ในช่วง 6 วันที่ผ่านมา และทรุดตัวลงราว 50% จากเหนือระดับ 64,400 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในเดือนเม.ย.
- (+) ดอลล์อ่อน นลท.ขายทำกำไรหลังดอลล์พุ่งรับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ. ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.36% แตะที่ 91.8945 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9185 ฟรังก์ จากระดับ 0.9217 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2359 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2425 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 110.27 เยน จากระดับ 110.14 เยน และ ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1909 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1872 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3929 ดอลลาร์ จากระดับ1.3817 ดอลลาร์
- (+) อิสราเอลเตือนวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มความเสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน,เกล็ดเลือดต่ำ ศูนย์การแพทย์ชาเมียร์ของอิสราเอลเปิดเผยว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรค Thrombotic Thrombocytopenic Purpura (TTP) ทั้งนี้ TTP เป็นโรคที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในอวัยวะต่างๆ ขณะที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก ระบบประสาททำงานผิดปกติ รวมทั้งมีอาการตกเลือดในร่างกาย นักวิจัยพบว่ามีความเชื่อมโยงกันระหว่างการฉีดวัคซีนไฟเซอร์และการเกิดอาการของโรคดังกล่าว
- (+) แบงก์ชาติจีนสั่งห้ามธ.พาณิชย์,Alipay ให้บริการเกี่ยวข้องคริปโต บิตคอยน์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ใกล้หลุดระดับ 32,000 ดอลลาร์ หลังมีรายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้แจ้งให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินระงับการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้เรียกตัวแทนจากธนาคารหลายแห่งเข้าพบ ซึ่งรวมถึงธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China และธนาคาร Agricultural Bank of China รวมทั้ง Alipay ซึ่งเป็นบริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในเครือของบริษัทแอนท์กรุ๊ปของอาลีบาบา โดยธนาคารกลางได้สั่งห้ามสถาบันการเงินเหล่านี้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต
- (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 586.89 จุด รับแรงซื้อหุ้นพลังงาน-หุ้นแบงก์ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) ทำสถิติปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มอุตสาหกรรม ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,876.97 จุด เพิ่มขึ้น 586.89 จุด หรือ +1.76% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,224.79 จุด เพิ่มขึ้น 58.34 จุด หรือ +1.40% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,141.48 จุด เพิ่มขึ้น 111.10 จุด หรือ +0.79%
- (+/-) นักลงทุนจับตา “พาวเวล” กล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ (22 มิ.ย.) เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 01.00 น.ของวันที่ 23 มิ.ย.ตามเวลาไทย ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และการใช้นโยบายการเงินของเฟด ซึ่งรวมถึงการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์โควิด-19 นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลในวันนี้นี้ หลังจากที่ตลาดการเงินเกิดความตื่นตระหนกจากการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์เดิมถึง 1 ปี นอกจากนี้ กรรมการเฟดยังได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดเตรียมชะลอการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
