GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 22 พ.ย.64 by YLG

279

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ราคายังมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้าน 1,855-1,865 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร อย่างไรก็หากราคาอ่อนตัวลง ประเมินแนวรับที่ 1,826-1,813 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,826 1,813 1,800  แนวต้าน : 1,865 1,877 1,889

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 13.80ดอลลาร์ต่อออนซ์แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง  ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในยุโรป หลังจากที่ออสเตรียเป็นประเทศแรกในยุโรปตะวันตกที่เตรียมจะใช้มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ ส่วนเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป อาจประกาศมาตรการล็อกดาวน์เช่นกัน  สถานการณ์ดังกล่าวนอกจากจะหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยโดยตรงแล้ว  ยังกระตุ้นแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น  ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 10 พ.ย.ที่ 1.515% จนหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยอีกทาง  นั่นเป็นที่มาที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,865.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี ราคาทองคำปรับตัวลงในเวลาต่อมาเนื่องจากเผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์จากแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากถ้อยแถลงในเชิง Hawkish ของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่กล่าวว่าเฟดควร “เพิ่ม” อัตรา (pace) การลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE เป็น 2 เท่าในเดือนม.ค. เพื่อให้กระบวนการ taper QE เสร็จสิ้นลงภายในเดือนเม.ย. และมี policy space ในการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบันปัจจัยดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,842.96ดอลลาร์ต่อออนซ์  ที่น่าสนใจ คือ กองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +8.13 ตันสู่ระดับ 985 ตัน ซึ่งถือเป็นการถือครองทองเพิ่มรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.และเป็นการถือครองทองเพิ่ม 2 สัปดาห์ติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำวันก่อนหน้า สร้างระดับต่ำสุดใหม่ หากราคาขยับขึ้นอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเพิ่มขึ้นโดยระยะสั้นราคามีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,855-1,865 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (1,865 ดอลลาร์ต่อออนซ์ระดับสูงสุดของวันก่อนหน้า) หากราคาผ่านไม่ได้ ประเมินแนวรับโซน 1,826-1,813 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เข้าขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น โดยแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะที่ราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน1,855-1,865 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนสถานะขายหากราคาหลุด 1,877 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และทยอยเข้าซื้อคืนทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไปทดสอบบริเวณแนวรับ1,826-1,813 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) อังกฤษร่วมผสมโรงสหรัฐ เล็งคว่ำบาตรกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในจีนหนังสือพิมพ์เดอะ ไทม์สรายงานในวันนี้ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษกำลังพิจารณาที่จะคว่ำบาตรทางการทูตสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งของจีนในปีหน้า เพื่อประท้วงจีนในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 268.97 จุด แต่ Nasdaq บวกทะลุ 16,000 จุดเป็นครั้งแรกดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (19 พ.ย.) โดยลดลงเป็นวันที่ 4 ในรอบ 5 วันทำการที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในยุโรป และการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจโลก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,601.98 จุด ลดลง 268.97 จุด หรือ -0.75%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,697.96 จุด ลดลง 6.58 จุด หรือ -0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,057.44 จุด เพิ่มขึ้น 63.73 จุด หรือ +0.40%
  • (+) สหรัฐ-ไต้หวันเตรียมจัดเจรจาทางเศรษฐกิจรอบ 2 ในสัปดาห์หน้ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐและไต้หวันเตรียมจัดการเจรจาทางเศรษฐกิจรอบที่ 2 ในวันจันทร์ที่ 22 พ.ย. หลังดำเนินการเจรจารอบแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากจีน  สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากการประชุมทางออนไลน์ระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งนายสีกล่าวเตือนภายหลังจากการประชุมว่า การที่สหรัฐส่งเสริมเอกราชของไต้หวันนั้นเป็นการ “เล่นกับไฟ”
  • (-) ดอลล์แข็งค่า เหตุนลท.แห่ซื้อสกุลเงินปลอดภัยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (19 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความต้องการซื้อสกุลเงินปลอดภัยเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.52% แตะที่ 96.0384 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9286 ฟรังก์ จากระดับ 0.9255 ฟรังก์ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2660 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2607 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.95 เยน จากระดับ 114.22 เยน  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1289 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1372 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3446 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3499 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง สู่ระดับ 0.7235 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7274 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+/-) ออสเตรียเตรียมกลับมาล็อกดาวน์ หลังโควิดระบาดอีกระลอกนายกรัฐมนตรี อเล็กซานเดอร์ ชาลเลนเบิร์ก ของออสเตรีย ประกาศในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า รัฐบาลออสเตรียจะเริ่มมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในวันจันทร์นี้ และกำหนดให้ทุกคนต้องรับวัคซีน ทำให้ออสเตรียเป็นประเทศแรกในยุโรปที่กลับมาใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น  ผู้นำออสเตรียระบุว่า จะมีการประเมินมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่นี้หลังประกาศใช้แล้ว 10 วัน และมาตรการดังกล่าวจะถูกบังคับใช้อย่างมากที่สุด 20 วัน โดยวันสุดท้ายคือวันที่ 13 ธันวาคม  นายชาลเลนเบิร์ก ยังประกาศด้วยว่า การฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 จะเป็นมาตรการจำเป็น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์
  • (+/-) สภาผู้แทนฯสหรัฐไฟเขียวกฎหมาย Build Back Better วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลล์สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 220-213 ให้การอนุมัติร่างกฎหมาย Build Back Better วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการออกมาตรการช่วยเหลือภาคครัวเรือนสหรัฐ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาโลกร้อน  ร่างกฎหมายดังกล่าวจะให้เงินช่วยเหลือในการดูแลเด็กอ่อน, การประกันสุขภาพ และการลดภาษีแก่พลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  สภาผู้แทนราษฎรจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป
  • (+/-)เบลเยี่ยมใช้มาตรการคุมโควิดใหม่ หลังยอดติดเชื้อพุ่งรัฐบาลเบลเยี่ยมประกาศใช้มาตรการใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) หลังยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น  สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลเบลเยี่ยมกำหนดให้ผู้ที่มีอายุ 10 ปีขึ้น ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะแบบปิด และขอให้ประชาชนปฎิบัติตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1.5 เมตร  สถานบันเทิงและไนท์คลับ อีเวนต์ของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีผู้เข้าร่วมงานกลางแจ้งมากกว่า 100 ราย และเข้าร่วมงานในร่มมากกว่า 50 ราย จะต้องบังคับให้ผู้เข้าร่วมงานสวมหน้ากากอนามัย  ขณะเดียวกัน ทางการได้ขอความร่วมมือจากบริษัทเอกชนให้พนักงานทำงานที่บ้านอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์จนถึงวันที่ 13 ธ.ค. 

- Advertisement -

Comments
Loading...