GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 22 ก.ย.64 by YLG

288

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรระยะสั้น หรือ ทยอยปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,782ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้เพื่อรอซื้อใหม่หากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่ควรคำนึงถึงการเหวี่ยงตัวของราคาจากผลการประชุม FED

แนวรับ : 1,758 1,742 1,717  แนวต้าน : 1,782 1,807 1,833

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  10.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,766-1,757.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตลอดช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชียและช่วงต้นของการซื้อขายในตลาดยุโรป  ก่อนที่ราคาทองคำจะได้รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23ส.ค. หลังจากตลาดหุ้นเริ่มชะลอการปรับตัวลง  ซึ่งนั่นบั่นทอนความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  จนกระทั่งราคาทองคำพุ่งผ่านระดับสูงสุดเดิมบริเวณ 1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ซึ่งนั่นกระตุ้นแรงซื้อตามทางเทคนิคเพิ่ม  นอกจากนี้  นักลงทุนบางส่วนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน  ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,781.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่จะเผชิญแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาดเนื่องจากนักลงทุนบางส่วนลดสถานะก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเสร็จสิ้นลงในช่วงตี 1 ของคืนวันนี้  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง  -0.87 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)และการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ  พร้อมจับตาผลการประชุมเฟด คาด“คง” ดอกเบี้ยและวงเงิน QE ตามเดิม  แต่แนะนำรอดูสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต  โดยเฉพาะความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการลดวงเงิน QE  รวมถึงมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐผ่านทางแถลงการณ์ของประธานเฟด, Economic  Projections (คาดการณ์ GDP, อัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ) และ Dot  Plot(คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่เฟด  ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนได้

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,758-1,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นยังมีโอกาสดีดตัวขึ้นได้ระยะสั้น

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยเปิดสถานะขายหากราคาดีดตัวขึ้นทดสอบโซน 1,782-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้อาจทยอยซื้อคืนเพื่อทำกำไรหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,758-1,742ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) “บลูมเบิร์ก” เผย “เอเวอร์แกรนด์” ผิดนัดชำระดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร 2 แห่งวานนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยเงินกู้ต่อธนาคารเจ้าหนี้อย่างน้อย 2 แห่งเมื่อวานนี้  รายงานระบุว่า ธนาคารทั้ง 2 แห่งได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เอเวอร์แกรนด์จะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเงินกู้ได้ หลังจากที่กระทรวงการเคหะของจีนแจ้งเตือนว่า เอเวอร์แกรนด์จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด  ขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ธนาคารดังกล่าวจะประกาศว่าเอเวอร์แกรนด์ได้ผิดนัดชำระหนี้หรือไม่
  • (+) รมว.ต่างประเทศฝรั่งเศสชี้ AUKUS คือ “วิกฤติความไว้วางใจ” ระหว่างพันธมิตรนายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ข้อตกลงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย หรือที่เรียกกันว่า AUKUS สะท้อนถึงวิกฤติความไว้วางใจระหว่างพันธมิตรที่ต้องการคำอธิบาย  นายเลอ ดริยองกล่าวว่า “ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การฉีกสัญญา… แน่นอนว่ามันส่งผลเสียกับฝรั่งเศส แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งนี้เป็นการทำลายความไว้วางใจระหว่างพันธมิตร และทำให้พวกเราชาวยุโรปต้องไตร่ตรองอย่างหนักในแง่ของการมองพันธมิตรและความร่วมมือของเรา” 
  • (+) ดอลล์อ่อนค่าเล็กน้อย ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟดดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.08% แตะที่ 93.2047 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.22 เยน จากระดับ 109.36 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9235 ฟรังก์ จากระดับ 0.9277 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2812 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2827 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1726 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1723 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3662 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3644 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7235 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7237 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 50.63 จุด กังวลข่าวเอเวอร์แกรนด์-จับตาประชุมเฟดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,919.84 จุด ลดลง 50.63 จุด หรือ -0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,354.19 จุด ลดลง 3.54 จุด หรือ -0.08% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,746.40 จุด เพิ่มขึ้น 32.50 จุด หรือ +0.22%
  • (-) สหรัฐเผยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่งสูงสุด 14 ปีในไตรมาส 2กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 1.903 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2550  ก่อนหน้านี้ สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.894 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1  ตัวเลขขาดดุลในไตรมาส 2 เทียบเท่ากับสัดส่วน 3.3% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และต่ำกว่าระดับ 3.4% ของไตรมาส 1
  • (-) OECD คาดจีนสามารถควบคุมวิกฤต “เอเวอร์แกรนด์” องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) แถลงว่า ทางการจีนมีความสามารถในการควบคุมวิกฤตหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป มิให้ลุกลามจนส่งผลกระทบในวงกว้าง  “เราคิดว่าจีนมีความสามารถด้านการเงินและการคลังในการบรรเทาภาวะตื่นตระหนกดังกล่าว ซึ่งจะช่วยจำกัดผลกระทบที่เกิดขึ้น ยกเว้นแต่เพียงบางบริษัทเท่านั้น” นางลอเรนซ์ บูน หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OECD กล่าว
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านสูงกว่าคาดในเดือนส.ค.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.615 ล้านยูนิต สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.555 ล้านยูนิต จากระดับ 1.554 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.  อย่างไรก็ดี การเริ่มต้นสร้างบ้านยังคงได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงาน  เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 17.4% ในเดือนส.ค.ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวลดลง 2.8% สู่ระดับ 1.076 ล้านยูนิต  ส่วนการก่อสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัว ซึ่งรวมถึงอพาร์ทเมนท์และคอนโดมิเนียม พุ่งขึ้น 21.6% สู่ระดับ 530,000 ยูนิต  การอนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 6.0% สู่ระดับ 1.728 ล้านยูนิตในเดือนส.ค.

- Advertisement -

Comments
Loading...