GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 22 ก.ค.65 by YLG

474

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

ราคามีลุ้นทดสอบแนวต้าน 1,724-1,732 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร แต่ถ้าผ่านได้ให้ชะลอการขายไปยังแนวต้านถัดไป อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่าน ประเมินแนวรับที่ 1,704-1,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,697 1,676 1,652  แนวต้าน : 1,732 1,751 1,773

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 22.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีบริเวณ 1,681.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำพุ่งขึ้นในเวลาต่อมาในทันทีที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps หรือ 0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และถือว่า “มากกว่า” ที่ตลาดส่วนใหญ่คาดไว้ อีกทั้งยังเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000

นอกจากนี้ ECB ได้เปิดเผยเครื่องใหม่ที่เรียกว่า Transmission Protection Instrument (TPI) ซึ่งจะดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรจากประเทศที่มีหนี้สินจำนวนมาก เช่น อิตาลี โดยมีจุดประสงค์เพื่อจำกัดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศสมาชิกที่มีหนี้จำนวนมากและ anti-fragmentation ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก สถานการณ์ดังกล่าวหนุนเงินยูโรให้แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ที่ 1.0275 จนเป็นปัจจัยหลักที่กดดันดัชนีดอลลาร์ให้ร่วงลงแรง ประกอบกับสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด

- Advertisement -

ทั้งจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดลเฟีย ซึ่งยิ่งกดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าเพิ่ม พร้อมๆกับกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ร่วงลงต่ำกว่า 2.9% สถานการณ์ที่กล่าวมาอยู่เบื้องหลังการทะยานขึ้นของทองคำเกือบ 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดสู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,720.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการและภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค

ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,704-1,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากยืนได้จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยราคาจะขยับขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,732-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรสลับออกมาเนื่องจากเมื่อราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวเพิ่มตามไปด้วย

กลยุทธ์การลงทุน

เปิดสถานะขาย หากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,724-1,732 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้ให้ชะลอการขายไปที่โซนแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่านได้) เมื่อราคาอ่อนตัวลงให้แบ่งปิดสถานะขายทำกำไรบางส่วนหากราคาสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1,704-1,697 ต่อออนซ์ หากราคาหลุดได้สามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) ยูโรแข็งค่าเทียบดอลล์ หลัง ECB ขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.5%  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 0.50% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.16% แตะที่ระดับ 106.9100  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0198 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0179 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1962 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1967 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6903 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6886 ดอลลาร์สหรัฐ  ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 137.65 เยน จากระดับ 138.25 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9685 ฟรังก์ จากระดับ 0.9719 ฟรังก์
  • (+) บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วง จับตาประชุมเฟด,ตัวเลข GDP สัปดาห์หน้า  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในสัปดาห์หน้า  ณ เวลา 23.30 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.963% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.113%
  • (+) ECB เผยมาตรการช่วยเหลือประเทศหนี้สินสูงในยูโรโซน  ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยกลไกใหม่ที่เรียกว่า Transmission Protection Instrument (TPI) เพื่อช่วยเหลือประเทศในยูโรโซนที่มีปัญหาหนี้จำนวนมาก  ทั้งนี้ ภายใต้กลไก TPI จะทำให้ ECB สามารถเข้าซื้อพันธบัตรจากประเทศที่มีหนี้สินจำนวนมาก เช่น อิตาลี เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และลดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก  ประเทศที่เข้าเกณฑ์ได้รับความช่วยเหลือจาก TPI จะต้องเป็นประเทศที่ปฏิบัติตามกรอบงบประมาณของสหภาพยุโรป (EU), ไม่ขาดดุลงบประมาณมากกว่าที่กำหนด, ไม่เกิดภาวะไร้สมดุลในเศรษฐกิจกิจมหภาคอย่างรุนแรง และมีหนี้ที่มีความยั่งยืนตามการพิจารณาของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC), กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
  • (+) เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาดในเดือนก.ค.  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ -12.3 ในเดือนก.ค. หลังจากแตะระดับ -3.3 ในเดือนมิ.ย.  ดัชนีดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดระดับ +1.6
  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 251,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย
  • (+) ECB ประกาศขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.50% ในการประชุมวันนี้  ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ  การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว รุนแรงกว่าที่ ECB ส่งสัญญาณในเดือนมิ.ย.ว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนก.ค.  ทั้งนี้ ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.50% สู่ระดับ 0% ในวันนี้ จากเดิมที่ระดับ -0.50% โดยอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวได้ปรับตัวต่ำกว่า 0% นานถึง 9 ปี  นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ 0.50% สู่ระดับ 0.50% จากเดิมที่ระดับ 0% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.50% สู่ระดับ 0.75% จากเดิมที่ระดับ 0.25%
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 162.06 จุด, Nasdaq พุ่งกว่า 1% รับผลประกอบการเทสลา ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเทสลา ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,036.90 จุด เพิ่มขึ้น 162.06 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,998.95 จุด เพิ่มขึ้น 39.05 จุด หรือ +0.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,059.61 จุด เพิ่มขึ้น 161.96 จุด หรือ +1.36%
  • (+/-) ด่วน! ทำเนียบขาวเผย “ไบเดน” ติดโควิด-19  ทำเนียบขาวแถลงวันนี้ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐวัย 79 ปี มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก  “ท่านประธานาธิบดีไบเดนมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย โดยท่านได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส รวมทั้งได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ถึง 2 เข็มก่อนหน้านี้” นางแครีน ฌ็อง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าว 

- Advertisement -

Comments
Loading...