เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด
- Advertisement -
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ
ยังมีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,959-1,966ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,939-1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,932 1,915 1,897 แนวต้าน : 1,966 1,981 2,002
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค ทั้งนี้ ราคาทองคำเกิดแรงซื้อ Buy the dip หลังจากราคาทองคำร่วงลงแรงในวันทำการก่อนหน้าจนราคาทองคำเข้าสู่สภาวะขายมากเกินไป(oversold)
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยหนุนการฟื้นตัวของทองคำ อาทิ การเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐที่ “ลดลงเกินคาด” สู่ระดับ 5.77 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง ประกอบกับค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นในวันพุธหลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนีที่พุ่งขึ้น 30.9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมี.ค.
ขณะที่นายMartins Kazaks ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป(ECB)กล่าววานนี้ว่า ECB อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในเดือนก.ค. ท่ามกลางความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ “ที่มีนัยสำคัญ”ซึ่งการแข็งค่าของยูโรช่วยกดดันดัชนีดอลลาร์เพิ่ม ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 2.867% หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี หรือ สูงสุดนับตั้งแต่ธ.ค. 2018 ที่ระดับ 2.98%จึงเป็น
ปัจจัยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยอีกด้วย ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 1,939.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก Conference Board รวมถึงจับตาการอภิรายร่วมกันระหว่างนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด), นางคริสติน ลาการ์ดประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB)และผู้กำหนดนโยบายจากธนาคารกลางอื่นๆ ในหัวข้อ “เศรษฐกิจโลก” ในการประชุมฤดูใบไม้ผลิของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)และธนาคารโลก
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,959-1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้งแต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเพิ่มขึ้น และหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นจำกัดประเมินแนวรับในโซน 1,932-1,915 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน
- Advertisement -
เปิดสถานะขายเพื่อทำกำไร หากราคาทองคำขยับขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน 1,959-1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไม่ได้ (ตัดขาดทุนหากราคายืนเหนือ 1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และหากรับความเสี่ยงได้น้อยเข้าซื้อคืนเมื่อราคาทองคำย่อตัวลงมาบริเวณ 1,939-1,932 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดถือสถานะขายต่อเพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับถัดไป
ข่าวสารประกอบการลงทุน
• (+) สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองต่ำกว่าคาดในเดือนมี.ค. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.7% สู่ระดับ 5.77 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.80 ล้านยูนิต จากระดับ 5.93 ล้านยูนิตในเดือนก.พ.
• (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐชะลอตัว ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (20 เม.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลง
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการแสดงความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาและชิคาโกที่แนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.57% แตะที่ 100.3890 ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 127.80 เยน จากระดับ 128.75 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9488 ฟรังก์ จากระดับ 0.9513 ฟรังก์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2504 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2624 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.0845 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0796 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3056 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2997 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7441 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7374 ดอลลาร์สหรัฐ
• (+) น้ำมัน WTI ปิดบวก 19 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วง สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (20 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 102.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 106.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
• (+) เยอรมนียันยุตินำเข้าน้ำมันรัสเซียสิ้นปีนี้ นางแอนนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่า เยอรมนีจะยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ “ดิฉันขอกล่าวอย่างชัดเจนในที่นี้ว่า เยอรมนีจะยุติการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียโดยสิ้นเชิงภายในสิ้นปีนี้ โดยเราจะลดลง 50% ภายในฤดูร้อนนี้ ก่อนที่จะลดลงเหลือ 0% ภายในสิ้นปีนี้ และหลังจากนั้น เราจะลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเช่นเดียวกัน โดยสอดคล้องกับโร้ดแมปของยุโรป” นางแบร์บอคกล่าว
• (+) บ่อนผู้ดีฟันธง “มาครง” นอนมาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสอาทิตย์นี้ สำนักพนันที่ถูกกฎหมายในอังกฤษต่างฟันธงว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส มีโอกาสมากกว่า 90% ที่จะคว่ำนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรคขวาจัดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสองในวันอาทิตย์นี้ ทั้งนี้ เว็บไซต์ของวิลเลียม ฮิลและแพดดี เพาเวอร์ต่างก็ให้อัตราต่อรองซึ่งบ่งชี้โอกาสคว้าชัยชนะถึง 90.9% ของปธน.มาครง
ขณะที่เบตแฟร์และแลดโบรคให้ปธน.มาครงมีโอกาสนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีฝรั่งเศสสมัยที่ 2 ถึง 92.6% และ 94.1% ตามลำดับ ผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดระบุว่า ปธน.มาครงได้รับคะแนนนิยม 55% จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในฝรั่งเศส ขณะที่นางเลอเปนได้รับ 45%
• (+) “เยลเลน-พาวเวล” นำชาติตะวันตกตบเท้าวอล์คเอาท์ G20! ประท้วงรัสเซียบุกยูเครน สื่อรายงานว่า นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้วอล์คเอาท์จากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ที่กรุงวอชิงตันวันนี้ ทันทีที่นายแอนตัน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีคลังรัสเซีย กล่าวถ้อยแถลงในการประชุม
• (-) ประธานเฟดซานฟรานฯ หนุนขึ้นดอกเบี้ยสู่ 2.5% ปลายปีนี้ นางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสู่ระดับ 2.5% ภายในปลายปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในสหรัฐ “ดิฉันคิดว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับที่เป็นกลางภายในสิ้นปีนี้ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสม โดยเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหม่มองว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางอยู่ที่ระดับ 2.5%” นางดาลีกล่าว
• (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 249.59 จุด รับผลประกอบการสดใส ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 35,000 จุดในวันพุธ (20 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงไอบีเอ็ม และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 100 จุด หลังจากบริษัทเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยจำนวนสมาชิกทั่วโลกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,160.79 จุด เพิ่มขึ้น 249.59 จุด หรือ +0.71%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,459.45 จุด ลดลง 2.76 จุด หรือ -0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,453.07 จุด ลดลง 166.59 จุด หรือ -1.22%