GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 21 ธ.ค.64 by YLG

223

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

หากราคายืนเหนือ 1,780-1,772 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดสถานะซื้อ(ตัดขาดทุนหากหลุด1,772 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เพื่อขายทำกำไรบริเวณ1,804-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืน1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจชะลอการขายทำกำไรและการเปิดสถานะขายออกไปก่อน

แนวรับ : 1,772 1,753 1,737  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

จจัยพื้นฐาน 

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 7.42ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำถูกกดดันจากแรงขายทำกำไร  หลังจากราคาพุ่งขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อนหน้าจนทดสอบระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์  ขณะที่วานนี้  ราคาทองคำพยายามดีดตัวขึ้นในระหว่างวันโดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลดลงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีท่ามกลางแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความวิตกว่าการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  พร้อมกับเผชิญแรงขายทางเทคนิคเพิ่มเติมหลังจากราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันและระดับต่ำสุดของสัปดาห์ก่อนหน้าบริเวณ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์  นั่นทำให้ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงของการพักตัว  ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีฟื้นตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือ 1.4% อีกครั้ง  จนส่งผลกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเพิ่มเติม  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงต่อจนทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ  1,787.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่จะเห็นได้ว่าการปรับตัวลดลงของทองคำยังคงอยู่ในกรอบจำกัดเช่นเดียวกัน  ส่วนหนึ่งเพราะตลาดทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์  และการดิ่งลงของตลาดหุ้นสหรัฐ  ท่ามกลางความวิตกว่าการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนและแนวโน้มที่ร่างกฎหมาย Build Back Better วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิดบีไบเดนจะถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐอาจบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ

- Advertisement -

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือแนวรับโซน 1,780-1,772 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีแนวโน้มดันขึ้นสู่บริเวณ 1,804-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซนดังกล่าวขึ้นไป ต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะออกมา แต่หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อต่อหากราคาย่อตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,780-1,772ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือหากรับความเสี่ยงได้สูงอาจเปิดสถานะซื้อเพิ่มหากราคายืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้ เพื่อทยอยขายปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้าน 1,804-1,815ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคาทะยานขึ้นจนยืนได้ สามารถถือต่อเพื่อรอทำกำไรที่แนวต้านถัดไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลล์อ่อนค่า วิตกโอมิครอนกระทบเศรษฐกิจดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.02% แตะที่ 96.5534ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9222 ฟรังก์ จากระดับ 0.9238 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.71 เยน จากระดับ 113.69 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2947 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2878 ดอลลาร์แคนาดา  สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1274 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1250 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3202 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3250 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7110 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7135 ดอลลาร์
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 433.28 จุด วิตกโอมิครอน-วุฒิสภาขวางแผนกระตุ้นศก.ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 วัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะผลักดันให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ  ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 34,932.16 จุด ลดลง 433.28 จุด หรือ -1.23%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,568.02 จุด ลดลง 52.62 จุด หรือ -1.14% และดัชนี Nasdaq ปิด ลดลง 188.74 จุด หรือ -1.24%
  • (+) WHO เตือนโอมิครอนระบาดเร็วกว่าเดลตา,วัคซีนอาจเอาไม่อยู่นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดในอัตราที่รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา  นอกจากนี้ นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้ที่ได้รับวัคซีนมาแล้ว หรือผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน
  • (+) “โกลด์แมน แซคส์” หั่นคาดการณ์ GDP สหรัฐ หลังวุฒิฯขวางมาตรการกระตุ้นศก.โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2565 หลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ  นายโจ แมนชิน ซึ่งเป็นแกนนำวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครต ประกาศไม่สนับสนุนร่างกฎหมาย Build Back Better วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดน โดยอ้างว่าจะเป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กับสหรัฐ  ท่าทีของนายแมนชินดังกล่าวจะส่งผลให้ร่างกฎหมายดังกล่าวขาดเสียงสนับสนุนที่เพียงพอในวุฒิสภา แม้ว่าผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก่อนหน้านี้  โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า หากร่างกฎหมาย Build Back Better ถูกขัดขวางในวุฒิสภาก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในปี 2565 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รวมถึงงบประมาณของรัฐบาลจำนวนมากในการใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือปัญหาโลกร้อน ส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2565 สู่ระดับ 2% จากเดิมที่ระดับ 3% และปรับลดคาดการณ์สำหรับไตรมาส 2 และ 3 สู่ระดับ 3% และ 2.75% ตามลำดับ จากเดิมที่ระดับ 3.5% และ 3%
  • (+) ผู้เชี่ยวชาญเตือนวอลล์สตรีทอาจไม่แรลลี่ปลายเดือนนี้ เหตุซานต้าติดโอมิครอนผู้เชี่ยวชาญต่างมีความกังวลต่อแนวโน้มตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วงปลายปีนี้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  “การคาดการณ์เรื่องซานต้าแรลลี่ในปีนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะตลาดได้ขึ้นมามากแล้วในขณะนี้ นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายจะเบาบางลง ซึ่งจะทำให้ความผันผวนมากขึ้นในช่วงท้ายปี ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลสูงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด” นายไมเคิล เอโรน หัวหน้านักวิเคราะห์ของสเตท สตรีท โกลบอล แอดไวเซอร์ กล่าว  ส่วนนายเจฟฟ์ ไคลน์ท็อป หัวหน้านักวิเคราะห์จากชาร์ลส์ ชเวบ กล่าวว่า “ขณะที่เราก้าวเข้าสู่ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ วอลุ่มการซื้อขายจะลดน้อยลง ขณะที่ความผันผวนจะมีมากขึ้น และแม้อาจเกิดซานต้าแรลลี่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าปริมาณการซื้อขายที่เบาบางจะทำให้ตลาดแกว่งตัวในช่วงขาลงเช่นกัน”  “เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ภาวะตลาดในช่วงปลายปี อันเนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่ซบเซา และการขาดปัจจัยหนุนจากข่าวด้านเศรษฐกิจหรือข่าวภาคธุรกิจที่จะกระตุ้นตลาด ทำให้ดัชนีถูกขับเคลื่อนจากข่าวเกี่ยวกับโอมิครอนเป็นหลัก” นายไคลน์ท็อปกล่าว
  • (-) อังกฤษติดโควิดวันเดียวกว่า 90,000 ราย สูงอันดับ 2 นับตั้งแต่ปี 63กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 91,743 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในช่วงต้นปี 2563 ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 11,453,121 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐ อินเดีย และบราซิล

- Advertisement -

Comments
Loading...