GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 21 ธ.ค.64 by HGF

282

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

นักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดคริสต์มาส

คืนนี้สหรัฐไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

  • ราคาทองคำ Spot ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาปรับลดลงในระดับต่ำสุดที่ 1,787 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดเทศกาลต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส นอกจากนี้นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนที่อาจจะผลักดันให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาว์นรอบใหม่ และอาจจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำเท่าเมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่สำหรับพรุ่งนี้ติดตามจีดีพีไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ตลาดคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.1%  นอกจากนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. โดย Conference Board และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดปรับลงเล็กน้อย โดยมีแนวต้าน 1,805 ดอลลาร์ และ 1,815 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,780 ดอลลาร์ และ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,790.51-7.421,780/1,7701,805/1,815

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,600+15028,400/28,20028,750/28,950

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,670-7028,500/28,36028,880/28,920

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,500 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,360 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,791.10-8.501,781/1,7711,806/1,816

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOZ21 ปรับลงมาที่ 1,781 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,771 ดอลลาร์

ค่าเงิน

- Advertisement -

ค่าเงินบาทเมื่อวานนี้อ่อนค่า เช่นเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า นอกจากนี้ตลาดยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนภายในประเทศ ในขณะระยะสั้นทิศทางค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า สำหรับ USD Futures เดือนธ.ค.64 คาดจะมีแนวรับที่ 33.40 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.80 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ : ดอลล์อ่อนค่า วิตกโอมิครอนกระทบเศรษฐกิจ

          ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน    ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.02% แตะที่ 96.5534

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง $10.3 หลุดระดับ $1,800 กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

          สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงหลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส   ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 10.3 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 1,794.6 ดอลลาร์/ออนซ์    สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 24.2 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 22.291 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ : น้ำมัน WTI ปิดร่วง $2.63 กังวลโอมิครอนฉุดดีมานด์น้ำมันทรุด

          สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) เนื่องจากความกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ กลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์และควบคุมการเดินทาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน    ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.63 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 68.23 ดอลลาร์/บาร์เรล    ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 71.52 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดร่วง 433.28 จุด วิตกโอมิครอน-วุฒิสภาขวางแผนกระตุ้นศก.

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 วัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะผลักดันให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,932.16 จุด ลดลง 433.28 จุด หรือ -1.23%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,568.02 จุด ลดลง 52.62 จุด หรือ -1.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,980.94 จุด ลดลง 188.74 จุด หรือ -1.24%

“เฟาชี” คาดยอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนจ่อเพิ่มเป็นประวัติการณ์ในฤดูหนาวนี้

          นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Meet the Press” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี โดยระบุว่า ขณะนี้ โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ระบาดลามไปทั่วโลกแล้ว นายแพทย์เฟาชีกล่าวว่า ปัญหาที่แท้จริงสำหรับระบบโรงพยาบาลในสหรัฐก็คือ “เรามีคนจำนวนมากในประเทศนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีน แต่ยังไม่ได้ไปฉีดวัคซีน”    เว็บไซต์มาร์เก็ตวอทช์รายงานว่า สถานการณ์โควิด-19 ระบาดในช่วงฤดูหนาวนี้กลับตาลปัตรจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐคาดการณ์ในแง่ดีไว้ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยปธน.ไบเดนกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า สหรัฐจะกลับมาเป็นปกติภายในเทศกาลคริสต์มาสปีนี้   นอกจากนี้ นายแพทย์เฟาชียังพยายามแก้ต่างให้กับคำสัญญาก่อนหน้านี้ของปธน.ไบเดนในการสัมภาษณ์ในรายการ “State of the Union” ของซีเอ็นเอ็นเมื่อวานนี้อีกด้วย     “แนวคิดเกี่ยวกับความหวังและปณิธานที่จะเป็นอิสระจากโควิดหลังเวลาผ่านไปช่วงระยะหนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และสมเหตุสมผล แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้จากประสบการณ์เกือบ 2 ปีกับไวรัสตัวนี้ก็คือ มันคาดเดาไม่ได้จริง ๆ” นายแพทย์เฟาชีกล่าว    นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐ ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า ปธน.ไบเดนเตรียมแถลงข่าวเรื่องสถานะการสู้กับโควิด-19 ในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) พร้อมหารือเกี่ยวกับมาตรการของรัฐบาลสำหรับชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือ นางซากียังกล่าวอีกว่าปธน.ไบเดนจะ “เตือนอย่างเด็ดขาดว่าฤดูหนาวนี้จะเป็นอย่างไรสำหรับคนอเมริกันที่เลือกไม่ไปฉีดวัคซีน”

ผลวิจัยเดนมาร์กชี้ ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเสี่ยงหัวใจอักเสบกว่าไฟเซอร์ 4 เท่า

          สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลการศึกษาของเดนมาร์กที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ British Medical Journal ซึ่งระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นามีโอกาสทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบมากกว่าวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคถึง 4 เท่า  การศึกษาดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมเป็นชาวเดนมาร์กอายุ 12 ปีขึ้นไปจำนวนเกือบ 85% หรือ 4.9 ล้านคน โดยตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA กับภาวะหัวใจอักเสบ (Myocarditis หรือ Myopericarditis) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ยาก    ผลการศึกษาดังกล่าวดำเนินการโดยนักวิจัยจากสถาบันสแตเทนส์ เซรุ่ม (Statens Serum Institute) ของเดนมาร์ก ซึ่งระบุว่า “การฉีดวัคซีนชนิด mRNA-1273 (วัคซีนโมเดอร์นา) มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงภาวะหัวใจอักเสบที่เพิ่มสูงขึ้นในประชากรเดนมาร์ก”    “โดยทั่วไปแล้ว อัตราการเกิดภาวะหัวใจอักเสบจากการฉีดวัคซีนชนิด mRNA-1273 (โมเดอร์นา) สูงกว่าการฉีดวัคซีน BNT162b2 (ไฟเซอร์/ไบออนเทค) ประมาณ 3-4 เท่า” ผลการศึกษาระบุ  ผลการศึกษาของเดนมาร์กสอดคล้องกับผลการศึกษาจากอิสราเอลและสหรัฐก่อนหน้านี้ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นของภาวะหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีนชนิด mRNA ที่พัฒนาโดยไฟเซอร์/ไบออนเทคและโมเดอร์นา   อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาของเดนมาร์กระบุว่า การเกิดภาวะหัวใจอักเสบจากวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA นั้น มีความเสี่ยงโดยรวมในระดับต่ำ โดยนักวิจัยพบว่ามีเพียง 1 รายต่อ 71,400 รายของผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค และ 1 รายต่อ 23,800 รายของผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา อีกทั้งส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรงอีกด้วย

วัคซีนบูสเตอร์ซิโนฟาร์มสร้างภูมิต้านทานโอมิครอนลดลง ขณะนักวิจัยยังรอความชัดเจน

          กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (SJTU) เปิดเผยผลการทดลองครั้งล่าสุดระบุว่า วัคซีนเข็มบูสเตอร์ของบริษัทซิโนฟาร์ม (BBIBP-CorV) มีประสิทธิภาพลดลงอย่างมากในการสร้างภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ดี นักวิจัยกล่าวว่า  ข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวยังไม่ชัดเจนมากพอ     ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทงได้ร่วมกับหน่วยวิจัยแห่งหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเซี่ยงไฮ้ เพื่อศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนเข็มบูสเตอร์ของซิโนฟาร์มในการป้องกันไวรัสโอมิครอน โดยเปรียบเทียบกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดิมที่พบในอู่ฮั่น    เอกสารวิจัยระบุว่า ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนเข็มบูสเตอร์ของซิโนฟาร์มที่มีต่อเชื้อโอมิครอนนั้น ลดลง 20.1 เท่า เมื่อเทียบกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดิมที่อู่ฮั่น โดยนักวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างเซรุ่มที่ได้จากแพทย์ 292 คนที่ได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์ห่างจากเข็มที่สองมาแล้ว 8-9 เดือน และเมื่อได้รับเข็มบูสเตอร์ผ่านไป 4 สัปดาห์พบว่า ตัวอย่างเซรุ่มจากผู้เข้าร่วมการทดลองครั้งนี้มีเพียง 78.1% ที่ยังคงมีภูมิคุ้มกันไวรัสโอมิครอนอยู่   อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญของสถาบันอื่น ๆ ขณะที่บริษัทซิโนฟาร์มยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลวิจัยดังกล่าวในขณะนี้

- Advertisement -

Comments
Loading...